เทเลคอม มาเลเซีย เลือกใช้โซลูชั่น AssistEdge เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของศูนย์บริการลูกค้า

16 Mar 2018
EdgeVerve Systems บริษัทในเครือของอินโฟซิส (NYSE: INFY) ประกาศความสำเร็จในการติดตั้งโซลูชั่น AssistEdge ให้กับ เทเลคอม มาเลเซีย (Telekom Malaysia - TM) ภายใต้โครงการ OVAL (One View Application Layout) เทเลคอม มาเลเซีย เป็นผู้นำการหลอมรวมการสื่อสารของประเทศ และเป็นผู้นำในการให้บริการการสื่อสารที่หลอมรวมกัน ซึ่ง AssistEdge ของ EdgeVerve Systems ได้มีบทบาทสำคัญในการทำให้ขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ เป็นระบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลงานให้กับศูนย์บริการลูกค้าทั่วทุกแห่งของเทเลคอม มาเลเซีย ตลอดจนช่วยลดระยะเวลาในการจัดการสายลูกค้าโดยเฉลี่ยลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนำไปสู่การมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า

จุดเด่น:

  • เป็นโซลูชั่นที่ช่วยให้สามารถจัดการขั้นตอนการทำงานทั้งหมดของศูนย์ข้อมูลได้จากหน้าแดชบอร์ดเดียว ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์บริการใช้ระบบได้ง่ายขึ้น
  • AssistEdge ช่วยให้เทเลคอม มาเลเซีย จัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้โดยอัตโนมัติ ทำให้แก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้นและสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า
  • การติดตั้งโซลูชั่นนี้ทำให้เวลาโดยรวมในการอัพเดทระบบลดลง นำไปสู่การเพิ่มผลงานและประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน

เทเลคอม มาเลเซีย นำเสนอโซลูชั่นและบริการการสื่อสารที่ครอบคลุม ทั้งบรอดแบนด์ ดาต้า และฟิกซ์ไลน์ ซึ่งการติดตั้ง AssistEdge ในครั้งนี้จะทำให้บริษัทสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นแก่ลูกค้า ด้วยการพัฒนาคุณภาพบริการและนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

นิเทศ บันกา สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ EdgeVerve กล่าวว่า "AssistEdge เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในตลาด และบริษัทหลายแห่งทั่วโลกต่างใช้ผลิตภัณฑ์นี้เพื่อย้ายระบบการทำงานจากเดิมที่ถูกกำหนดตายตัวไปเป็นกระบวนการรับรู้และเข้าใจแบบอัตโนมัติ เรายังคงทำงานร่วมกับเทเลคอม มาเลเซีย เพื่อช่วยพวกเขายกระดับประสบการณ์ลูกค้าและหลอมรวมเข้ากับช่องทางดั้งเดิมและดิจิทัล ขณะเดียวกันเราก็มีความยินดีที่ AssistEdge ยังสามารถช่วยเทเลคอม มาเลเซีย ลดต้นทุนการดำเนินงานลงได้เป็นอย่างมากอีกด้วย"

อาหมัด นาสรี โมฮัมเหม็ด รองประธานฝ่าย Customer Experience Transformation ของเทเลคอม มาเลเซีย กล่าวว่า "เทเลคอม มาเลเซีย มีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำการหลอมรวม ซึ่งการติดตั้ง AssistEdge ภายใต้โครงการ OVAL นั้นช่วยให้เราสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นแก่ลูกค้า โซลูชั่นนี้ทำให้เรามั่นใจว่าตัวแทนของเราสามารถเปลี่ยนทุกการสนทนาให้เป็นการเชื่อมต่อ ทำให้เราสามารถสร้างความสุขให้แก่ลูกค้า ตลอดจนเพิ่มผลงานและประสิทธิภาพการปฏิบัติงานได้อย่างง่ายดาย"

เกี่ยวกับ EdgeVerve Systems Ltd

EdgeVerve Systems เป็นบริษัทย่อยที่อินโฟซิสถือหุ้นทั้งหมด บริษัทเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ และนำเสนอนวัตกรรมเหล่านี้แบบออนพรีมิสหรือผ่านทางแพลตฟอร์มธุรกิจในรูปแบบคลาวด์ ผลิตภัณฑ์ของเราช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ พัฒนาความสัมพันธ์ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ลึกซึ้งขึ้น ผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และเร่งการเติบโตในโลกแห่งดิจิทัล เราขับเคลื่อนการเติบโตให้แก่ลูกค้าในภาคส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การธนาคาร ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง อินเตอร์แอ็คทีฟคอมเมิร์ซ การจัดจำหน่าย บริการด้านสินเชื่อ บริการลูกค้า และการจัดซื้อ

ปัจจุบัน บริษัททั่วโลกไว้วางใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ EdgeVerve ไม่ว่าจะเป็นบริษัทในภาคบริการทางการเงิน ประกันภัย ค้าปลีกและบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค (CGP) ชีววิทยาศาสตร์ การผลิต และโทรคมนาคม โดย Finacle ซึ่งเป็นโซลูชั่นธนาคารดิจิทัลระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม เป็นตัวเลือกที่สถาบันการเงินใน 100 ประเทศไว้วางใจเลือกใช้ เพื่อให้บริการลูกค้ากว่า 1 พันล้านคน และ 1.3 พันล้านบัญชี

เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ http://www.edgeverve.com

การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อความบางข้อความในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับแนวโน้มการเติบโตในอนาคตของเรา ถือเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เกี่ยวกับธุรกิจในอนาคตของเรา ซึ่งเข้าข่าย "การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" ภายใต้สกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 (Private Securities Litigation Reform Act of 1995) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่าง ๆ ที่อาจส่งผลให้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงนั้นแตกต่างอย่างมากจากข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับข้อความเหล่านี้ประกอบไปด้วย ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนจากความผันผวนของผลประกอบการ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความสามารถของเราในการบริหารการเติบโต ความรุนแรงของการแข่งขันในการให้บริการด้านไอที ซึ่งรวมไปถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความได้เปรียบด้านต้นทุนของเรา การเพิ่มค่าแรงในอินเดีย ความสามารถของเราในการดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีทักษะความสามารถสูงไว้กับบริษัท ระยะเวลาและต้นทุนในการดำเนินการตามสัญญาที่กำหนดกรอบเวลาและราคาที่แน่นอน การให้ความสำคัญของลูกค้า การควบคุมเรื่องการย้ายถิ่นฐาน การให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรม ความสามารถของเราในการบริหารจัดการการดำเนินงานในต่างประเทศ ความต้องการที่ลดลงสำหรับเทคโนโลยีที่เราให้ความสำคัญ ภาวะติดขัดหรือความล้มเหลวของโครงข่ายโทรคมนาคม ความสามารถของเราในการเข้าซื้อและผนวกรวมธุรกิจใหม่ให้สำเร็จลุล่วง หนี้สินที่เกิดจากความเสียหายจากการให้บริการตามสัญญาของเรา ความสำเร็จของบริษัทต่าง ๆ ที่อินโฟซิสได้เข้าไปลงทุนเชิงกลยุทธ์ การยกเลิกหรือการหมดอายุของมาตรการสร้างแรงจูงใจทางการคลังของรัฐบาล ภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองและความขัดแย้งในภูมิภาค ข้อจำกัดทางกฎหมายในการเพิ่มทุนหรือการซื้อกิจการนอกประเทศอินเดีย และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของเรา และภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไปที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่เราดำเนินงาน เป็นต้น สำหรับความเสี่ยงเพิ่มเติมที่อาจมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในอนาคตของเรานั้น ได้มีการอธิบายอย่างละเอียดในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ ซึ่งรวมไปถึง Annual Report ใน Form 20-F สำหรับปีงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 สามารถดูเอกสารเหล่านี้ได้ที่ http://www.sec.gov อินโฟซิสอาจแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตเหล่านี้เป็นลายลักษณ์อักษรและทางวาจา ซึ่งรวมไปถึงข้อความที่ปรากฏอยู่ในเอกสารของบริษัทที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และในรายงานของเราต่อผู้ถือหุ้น ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตซึ่งระบุถึงในที่นี้ เกิดจากสมมติฐานที่เราเชื่อว่าสมเหตุสมผล ณ วันที่ระบุ ทั้งนี้ บริษัทไม่รับรองว่าจะทำการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมหรือแก้ไขข้อความที่เป็นลักษณะการคาดการณ์ในอนาคต ซึ่งอาจมีการจัดทำขึ้นเป็นครั้งคราว หรือในนามของบริษัท เว้นแต่กฎหมายกำหนด

แหล่งข่าว: Infosys