จัดโดย บมจ. ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย)
เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2561 ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การซื้อขายในตลาดทีเฟ็กซ์ เป็นตลาดที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนอย่างมาก ด้วยจุดเด่นที่ทีเฟ็กซ์ สามารถใช้อัตราทดทำให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้มากมายด้วยฐานทุนที่น้อยกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น แต่หากมองอีกด้านกลับเป็นความเสี่ยงนักลงทุนต้องแบกรับเพราะมีโอกาสเสียหายสูงเช่นกัน การไม่มีกลยุทธ์การซื้อขายที่ดี รูปแบบไม่ชัดเจนเพียงพอ สามารถสร้างความเสียหายได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญในการซื้อขายคือการกำหนดกลยุทธ์การลงทุน บริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อป้องกันการเสียหาย รักษาเงินต้นและสร้างผลกำไร
ในด้านนักเทรดมืออาชีพตลาดทีเฟ็กซ์ "กนิษฐา รอดดำ" หรือครูไก่ Trader อิสระ และผู้เขียนหนังสือ Full- time Trader ประสบการณ์เทรดโชกโชนทั้งในและต่างประเทศ มีประสบการณ์ซื้อขายในตลาดโตคอม มากกว่า 10 ปี มองว่า การเป็นเทรดเดอร์สิ่งสำคัญ คือ การบริหารจัดการเงิน หรือ Money Management นอกจากจัดพอร์ตให้มีกำไรแล้ว หัวใจสำคัญคือเราจะทำอย่างไรให้พอร์ตโตโดยไม่โอเวอร์เทรด
"การจัดพอร์ตลงทุนหากลยุทธ์ทำกำไรอาจมีความสำคัญแค่ 10% แต่การบริหารจัดการเงินในทางกลยุทธ์การลงทุนมีความสำคัญ 30% ทำให้พอร์ตเติบโตได้ยั่งยืน ที่ผ่านมามีนักลงทุนหลายรายต้องการให้พอร์ตโตมากๆ และเปิดสถานะมากเกินไปจนพอร์ตมีปัญหา แม้ว่าจะได้กำไรมากแต่หากไม่เป็นไปตามที่เราคาดนักลงทุนจะบาดเจ็บอย่างหนัก"
สาเหตุที่เราต้องจัดพอร์ต เพราะตลาดทีเฟ็กซ์ ตลาดหุ้นและการลงทุนทุกประเภทความเสี่ยงสูง ซึ่งความเสี่ยงในตลาดทีเฟ็กซ์มี 2 แบบ คือ 1. ความเสี่ยงเฉพาะตัวบริษัท หรือสินค้า 2.ความเสี่ยงระบบ เป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนทุกคนต้องเจอเท่าเทียมกัน หากพิจารณาจากสถิติที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยสามารถปรับลดลงได้ 20% ในวันเดียว หากไม่เตรียมพร้อมอาจมีความเสี่ยงที่จะโดนบังคับปิดสถานะสัญญา ดังนั้น การบริหารพอร์ตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
วิธีควบคุมความเสี่ยงในตลาดทีเฟ็กซ์ ขั้นตอนแรกของการบริหารพอร์ตการลงทุน นักลงทุนต้องวางเป้าหมายผลตอบแทนที่ต้องการ และความเสี่ยงที่รับได้ เช่น มีเงินลงทุน 2 ล้านบาท ต้องการผลตอบแทน 15% ต่อปี ยอมรับความเสี่ยงได้ 20% หรือ หากซื้อขายผิดทาง 20% จะต้องตัดขาดทุน รวมถึงกันเงินสำรองไว้ 20% ไว้คอยเติมหากการลงทุนผิดจากแผน
การกำหนดเช่นนี้จะทำให้พอร์ตการลงทุนมีกลยุทธ์ชัดเจน เคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้ผลตอบแทนตามเป้าหมายคือ การนำกำไรจากการลงทุนมาทบต้นเพื่อลงทุนใหม่ จะทำให้พอร์ตเราเติบโตได้รวดเร็วและสามารถเพิ่มจำนวนของสัญญาการลงทุนต่อรอบ จากเดิมที่ลงทุนได้ 2 สัญญา เป็น 3 สัญญา โดยไม่โอเวอร์เทรดเกินไป
หลังจากนั้นจัดเงินลงทุนตามประเภทของสินค้า ด้วยกลยุทธ์ จัดปิรามิดการเงิน เรียงลำดับตามความเสี่ยง เช่น การลงทุนตลาดทีเฟ็กซ์ ความเสี่ยงมากที่สุด ลงทุน 10% ลงทุนในใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ หรือ ดีดับบลิว 10% หุ้นเก็งกำไร 10% หุ้นพื้นฐานดีเก็งกำไร 35% และหุ้นพื้นฐานดีที่เติบโตสูง 35%
ความเสี่ยงในแต่ละสินค้ามีความแตกต่างกัน อย่างเช่น การซื้อขายหุ้น จะมีอัตราความเสี่ยง 1 ต่อ 1 หรือการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า ความเสี่ยงสูง เช่น หากเราวางเงินประกันน้อยเกินไปอาจทำให้อัตราทดของสัญญาขึ้นไปที่ 1 ต่อ 20 เท่า ดังนั้น การเทรดในทีเฟ็กซ์จะต้องใช้หลักประกันที่เหมาะสม ป้องกันการบังคับขายหุ้น ควรจะวางเงินหน้าตักที่ 20% เป็นอย่างน้อย และเตรียมเงินไว้อีก 10% หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
สำหรับการเลือกหุ้นที่อ้างอิงในตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต้องเลือก ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค หลังจากนั้นจะได้หุ้นที่พื้นฐานดี เพื่อวางกลยุทธ์ในการซื้อขาย โดยควรจะเลือกหุ้นในการเทรดเพียง 3-5 ตัวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องกำหนดจุดซื้อ จุดขายทำกำไร จุดหยุดขาดทุนที่ชัดเจน และต้องทำตามวินัยอย่างเคร่งครัด นักลงทุนต้องมีการทดสอบกลยุทธ์การลงทุนย้อนหลังว่า แผนการลงทุนของเรานั้นดีหรือไม่ อัตราการชนะหรือแพ้เป็นอย่างไร หากไม่ดีต้องหาจุดผิดพลาดในการซื้อขาย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit