ร้านอาหาร TOYO EATERY จากกรุงมะนิลา คว้ารางวัลร้านอาหารที่น่าจับตามอง โดย มิเอเล่ 'MIELE ONE TO WATCH’ AWARD จาก 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย

13 Mar 2018
การประกาศรางวัล 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียปี 2561 ได้ประกาศให้ร้านอาหาร Toyo Eatery ในกรุงมะนิลา ได้รับรางวัล ร้านอาหารที่น่าจับตามองโดย มิเอเล่ (Miele One To Watch Award) โดยการคัดเลือกจากคณะผู้จัดงาน 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารจากทั่วภูมิภาค สำหรับรางวัลร้านอาหารที่หน้าจับตามองโดย มิเอเล่ จะมอบให้แก่ร้านอาหารที่อยู่นอกเหนือรายชื่อ 50 อันดับร้านยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย แต่ยังคงความโดดเด่นดั่งดาวจรัสแสงจนเป็นที่ยอมรับในวงการอาหารภูมิภาคเอเชีย
ร้านอาหาร TOYO EATERY จากกรุงมะนิลา คว้ารางวัลร้านอาหารที่น่าจับตามอง โดย มิเอเล่ 'MIELE ONE TO WATCH’ AWARD จาก 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย

เจอร์ดี้ นาวารา เชฟเจ้าของร้าน จะเข้ารับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ในงานประกาศผลรางวัล 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียครั้งที่ 6 อย่างเป็นทางการในวันที่ 27 มีนาคม 2561 ที่มาเก๊า สนับสนุนการจัดงานโดย ซานเพลเลกริโน และ แอคคัว แพนนา (S.Pellegrino & Acqua Panna)

วิลเลี่ยม ดรูว์ บรรณาธิการกลุ่มของ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย กล่าวว่า "ร้านอาหาร Toyo Eatery แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของรางวัลร้านอาหารที่น่าจับตามองโดย มิเอเล่ ด้วยเมนูอาหารแบบดั้งเดิมอันหลายหลาย ที่ถือเป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมท้องถิ่น เชฟเจ้าของร้าน เจอร์ดี้ นาวารา คือเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ ผู้มีฝีมืออันเหนือชั้นในด้านอาหาร และการนำเสนอแต่ละเมนูที่เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ ทั้งยังมีความแม่นยำ และใส่ใจในรายละเอียดอีกด้วย"

ชื่อร้าน Toyo มาจากคำในภาษาฟิลิปปินส์ หมายถึง "ซอสถั่วเหลือง" สะท้อนถึงปรัชญาของ เจอร์ดี้ นาวารา นั่นคือ เมนูของ Toyo Eatery ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัตถุดิบทั่วไปที่มีอยู่ท้องถิ่น ผนวกกับเทคนิคการกลั่นและเลเยอร์ที่ซับซ้อน เจอร์ดี้ นาวาราและ เมย์ ภรรยาของเขา ผู้ซึ่งเป็นผู้ดูแลร้านอาหาร มีความมุ่งมั่นที่จะเชิดชูวัฒนธรรมท้องถิ่น และประเพณีการทำอาหารในแบบฟิลิปปินส์มาตีความใหม่ และทำให้ดูมีความทันสมัยยิ่งขึ้น อาหารแต่ละจานจึงถูกดีไซน์ให้สื่อถึงความเฉพาะตัวในแบบฟิลิปปินส์ ทั้งรสชาติและวิธีการทำ รวมไปถึงการใช้ชุดจานชาม ช้อน และของตกแต่งที่ถูกดดยศิลปินท้องถิ่น รวมถึงเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งร้าน

ความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของ เจอร์ดี้ นาวารา ถูกถ่ายทอดผ่านเมนูของร้าน Toyo Eatery ที่เขาได้สร้างสรรค์ อย่างเช่นอาหารจานเด่น 'Garden Vegetables' ที่นำบทเพลงพื้นเมืองที่กล่าวถึงพืชพันธุ์ผัก 18 ชนิด ของฟิลิปินส์ มาเป็นต้นแบบในการสร้างสรรค์ เพื่อเป็นการย้อนรำลึกนึกถึงอดีตในวัยเด็ก และชีวิตความเป็นอยู่ในฟิลิปปินส์ อาหารของเขาจึงมีพืชผักทั้ง 18 ชนิดดังกล่าวเป็นส่วนผสมในการปรุงอาหารที่แตกต่างกันไป ทั้งย่าง ผัด บด หรือ ทำให้เป็นซุปเข้มข้น

เจอร์ดี้ นาวารา กล่าวว่า "ตั้งแต่เริ่มแรก เป้าหมายของร้าน Toyo Eatery ได้วางให้เป็นการนำความเป็นฟิลิปปินส์มีคิดใหม่ทำใหม่รวมถึงการค้นพบ และเข้าใจวัฒนธรรมฟิลิปปินส์อย่างถ่องแท้ผ่านอาหารแต่ละจาน ร้าน Toyo Eatery กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 รางวัลนี้จึงเป็นเสมือนของขวัญที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน และการได้รับรางวัลร้านอาหารที่น่าจับตามองโดย มิเอเล่ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เราขอขอบคุณสำหรับความชื่มชม และรับรู้ในสิ่งที่พวกเราทำ ร้านของเราถึงแม้เพิ่งเริ่มต้น และมีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำอีกมากมาย แรงบันดาลใจของเราคือการเรียนรู้จากเชฟคนอื่นๆ ที่ปรากฏรายชื่ออยู่ใน 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียด้วย"

เจอร์ดี้ นาวารา ได้เริ่มเส้นทางอาชีพของเขาในร้านอาหารอันโด่งดังและเป็นตำนาน The Fat Duck ของ เฮสตัน มาร์ค บลูเมนธัล (Heston Blumenthal) ที่แห่งนี้เขาได้ฝึกฝีมือ ทักษะ และเทคนิคทางด้านอาหารอันหลากหลาย พร้อมทั้งแนวทางของการทำอาหารในรูปแบบใหม่ๆ ต่อมาเขากลับมาประกอบอาชีพในเอเชียอีกครั้ง ณ ร้านอาหาร โบ อินโนเวชั่น (Bo Innovation) ที่ฮ่องกง ก่อนจะย้ายมายังกรุงมะนิลา และเปิดร้านอาหารแบล็ค ชีพ (Black Sheep) ในปี พ.ศ.2557 เขาและภรรยาได้เปิดร้านอาหารอีกแห่งโดยตั้งชื่อว่า 'Toyo Eatery' ในปี พ.ศ.2559 ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้ให้บริการอาหารชุดมื้อค่ำที่มีให้เลือกแบบ 3คอร์ส หรือ 11 คอร์ส และแบบจานเดี่ยว หรือ อะ ลา คาท (à la carte)

"Toyo Eatery สร้างความประทับใจให้กับพวกเรา ด้วยการนำวัตถุดิบและสูตรอาหารท้องถิ่นที่ใช้ประกอบอาหารในชีวิตประจำวัน มาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เมนูและใช้ความหลงใหลในการทำอาหารที่มีมีอยู่ในตัวตนผลักดันทั้งสองสิ่งนี้ไปสู่ความเป็นสุดยอดของการทำอาหาร ด้วยความชำนาญ และความเป็นเลิศในวิธีการนำเสนอจานอาหาร แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการ" มาริโอ มิแรนด้า กรรมการผู้จัดการประจำภาคพื้นเอเชียมิเอเล่ กล่าวเสริม "ด้วยทัศนคติที่มีเหมือนกันกับ มิเอเล่ ทั้งในด้านของความไม่หยุดนิ่ง การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนวัตกรรมต่างๆ อันเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาของแบรนด์มิเอเล่ นั่นคือ'Immer Besser' ในปีนี้เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มอบรางวัล ร้านอาหารที่น่าจับตามองโดยมิเอเล่นี้ ให้แก่ เจอร์ดี้ นาวารา และทีมงานทุกคนของToyo Eatery"

นอกจากนี้ทางมิเอเล่ จะเข้าร่วมในงาน #50BestTalks ซึ่งเป็นเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาหารในภูมิภาค และแนวโน้มของวงการอาหาร ในวันจันทร์ที่ 26 มีนาคม 2561 ณ ห้อง แกรนด์บอลรูม โรงแรมวินน์ มาเก๊า ตั้งแต่เวลา 10.00 – 13.15 น. ด้วย ที่จัดขึ้นโดย คณะผู้จัดงาน 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ซึ่งตลอดครึ่งวันของการประชุมภายใต้หัวข้อ "Exploring Identity" จะประกอบด้วย การสนทนา การนำเสนอที่สร้างแรงบันดาลใจ และ การสัมภาษณ์เชฟชั้นนำผู้มีชื่อเสียงของเอเชีย อาทิ

  • อังเดร เจียง (Andre Chiang) จากร้านอาหารรอว์ กรุงไทเป และ ร้านอังเดร ในสิงคโปร์
  • ฮิโรเอะ ฮิกุชิ (Hiroe Higuchi) จากร้าน Shima Kanko ประเทศญี่ปุ่น
  • วีเจย์ มูดาเลียร์ (Vijay Mudaliar) ร้าน Native สิงคโปร์
  • ริชชี ลิน ไค่ เว่อเกอว และ หลง เซียว (Richie Lin, Kai Ward และ Long Xiong) ร้าน Mume ในไทเป

การรวบรวมรายชื่อ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมในเอเชีย

รายชื่อ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียจัดทำขึ้นจากผลโหวตของ 50 Best Restaurants Academy เป็นกลุ่มของผู้นำในธุรกิจอาหารกว่า 300 รายจากทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีทัศนะ และประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการธุรกิจอาหารของเอเชีย โดยคณะกรรมการในแต่ละภูมิภาค ประกอบด้วย นักเขียน และนักวิจารณ์อาหาร เชฟ ผู้ประกอบการร้านอาหาร และผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น 'นักชิม' สมาชิกให้คะแนนตัวเลือกของตัวจากความชอบ โดยการคัดเลือกร้านจากความชอบจากประสบการณ์ที่ได้รับจากร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบ 18 เดือนที่ผ่านมา โดยไม่มีการกำหนดเกณฑ์ล่วงหน้า แต่การลงคะแนนนั้นจะเป็นไปตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด

งานประกาศรางวัล 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2561 เป็นการกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งกับพันธมิตรอย่างดีลอยต์ (Deloitte) บริษัทที่ปรึกษาอิสระอย่างเป็นทางการ การตัดสินจากดีลอยต์สามารถมั่นใจในความโปร่งใส และมาตรฐานที่น่าเชือถือ ขั้นตอนในการลงคะแนน โดยผลการตัดสินรางวัลประเภทต่างๆ นั้นถูกต้องและเที่ยงตรง ติดตามรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับผลการประกาศผลรางวัล 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ได้ที่http://www.theworlds50best.com/asia/en/our-manifesto.html

วิลเลียม รีด บิสสิเนส มีเดีย

รายชื่อ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จัดพิมพ์โดยวิลเลียม รีด บิสสิเนส มีเดีย ซึ่งเป็นผู้พิมพ์ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมในโลก โดยเริ่มเผยแพร่ครั้งแรกในปี 2545 และ 50ร้านอาหารยอดเยี่ยมของลาตินอเมริกา ซึ่งเผยแพร่ตั้งแต่เดือนกันยายน 2556 วิลเลี่ยม รีด บิสสิเนส มีเดีย ดูแลรับผิดชอบทั้งหมดในเรื่องการจัดงานประกาศรางวัล ระบบการลงคะแนนเสียง และรายชื่อทั้งหมด

เกี่ยวกับเจ้าภาพการจัดงาน: มาเก๊า

มาเก๊า เป็นจุดหมายปลายทางที่มีขนาดเล็ก แต่เต็มไปด้วยมนต์ขลังที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนในแต่ละปี ด้วยมรดกสืบทอดอันเป็นเอกลักษณ์ รีสอร์ทที่ทันสมัยครบวงจร ปฏิทินกิจกรรมมากมายตลอดทั้งปี และชื่อเสียงด้านอาหารที่หลากหลายพร้อมให้ผู้มาเยือนเมืองแห่งนี้ได้สัมผัส อาหารมาเก๊าเป็นการผสมผสานของวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกและตะวันตกที่หลอมรวมมานานหลายศตวรรษ มาเก๊าได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก UNESCO Creative Cities Network (UCCN) ในด้านอาหารการกิน เป็นแรงกระตุ้นอันทรงพลังให้เมืองแห่งนี้ก้าวต่อไปข้างหน้าในฐานะปลายทางแห่งการท่องเที่ยวที่หลากหลายอย่างยั่งยืนต่อไป

เกี่ยวกับผู้สนับสนุนหลัก: ซาน เพลลีกรีโน และ แอคคัว แพนนา

ซาน เพลลีกรีโน และ แอคคัว แพนนา (S.Pellegrino & Acqua Panna) คือผู้สนับสนุนหลักของงานประกาศผลรางวัล 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (Asia's 50 Best Restaurants) ซาน เพลลีกรีโน และ แอคคัว แพนนา คือ แบรนด์ของน้ำแร่ชั้นดีจากแหล่งผลิตคุณภาพเยี่ยม นำเสนอไลฟ์สไตล์ในแบบฉบับอิตาเลียน ซึ่งแพร่หลายไปทั่วโลก ทั้งในด้านการผสมผสานความเป็นเลิศ ความรื่นรมย์ในการบริโภค และการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข

เกี่ยวกับผู้สนับสนุนรางวัล: มิเอเล่

มิเอเล่ ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านระดับพรีเมี่ยมชั้นนำของโลก อันได้แก่ อุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับประกอบอาหาร อบ และนึ่ง รวมถึงอุปกรณ์ทำความเย็น เครื่องชงกาแฟ เครื่องล้างจาน ผลิตภัณฑ์ซักผ้าและดูแลพื้น ทั้งยังได้ขยายการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในธุรกิจขนาดใหญ่ อาทิ เครื่องล้างจาน เครื่องซักสลัดผ้า และ เครื่องอบผ้า รวมทั้ง เครื่องซักผ้า และฆ่าเชื้อที่ใช้สำหรับทางการแพทย์และห้องปฏิบัติการ บริษัทมิเอเล่ ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2442 มีโรงงานผลิต 8 แห่งในเยอรมนี และในประเทศอื่นๆ ได้แก่ ออสเตรีย สาธารณรัฐเช็ก จีน และโรมาเนีย ประเทศละ 1 แห่ง มีผลประกอบการปี 2559/60 มีรายได้ราว 3.93 พันล้านยูโร มียอดขายประเทศต่างๆ นอกเหนือเยอรมนี ร้อยละ70 แบรนด์ มิเอเล่ บริหารงานขาย ผ่านทั้งคู่ค้ารายย่อยและผู้นำเข้าจากเกือบ 100 ประเทศ ปัจจุบัน มิเอเล่ ดำเนินกิจธุรกิจแบบกรรมสิทธิ์ครอบครัวเป็นรุ่นที่ 4 มีพนักงานประมาณ 19,500 ราย อยู่ในเยอรมนี 10,900 ราย สำนักงานใหญ่ของ บริษัท ตั้งอยู่ที่เมือง กูทเทอร์สโลห์ (Guetersloh) / เวสต์ฟาเลีย (Westphalia) เยอรมนี

HTML::image(