นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ ที่บริหารโดยมืออาชีพ และผู้จัดการกองทรัสต์ SHREIT เปิดเผยว่า แผนดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ มุ่งตอกย้ำถึงจุดเด่นการเป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ หรือ Independent REIT Manager ที่บริหารโดยบุคลากรมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านการเงินตลาดทุน ตลอดจนการลงทุนและซื้อทรัพย์สินในต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในระดับภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง เพื่อทำหน้าที่ในบริการจัดการกองทรัสต์ที่เป็นอิสระที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของทรัพย์สิน ทำให้การบริหารงานจะมุ่งเป้าหมายประโยชน์สูงสุดของนักลงทุน
ทั้งนี้ หลังจาก 'ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้' หรือ SHREIT ซึ่งเข้าลงทุนในทรัพย์สินในกรรมสิทธิ์แบบต่ออายุได้เพื่อประกอบธุรกิจโรงแรม และสิทธิการเช่าในโรงแรมระดับ 3-5 ดาวในต่างประเทศ จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรม Pullman Jakarta Central Park ในประเทศอินโดนีเซีย และโรงแรม Capri by Fraser และโรงแรม IBIS Saigon South ในประเทศเวียดนาม มีห้องพักรวมกันทั้งสิ้น 632 ห้อง ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา พบว่าทรัพย์สินที่เข้าลงทุนนั้นสามารถสร้างผลการดำเนินงานเติบโตได้ดี
โดย ณ สิ้นปี 2560 ที่ผ่านมา โรงแรม Pullman Jakarta Central Park ในประเทศอินโดนีเซีย มีรายได้รวม 508.91 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7.8% และมีกำไรสุทธิ 218 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.9% ขณะที่โรงแรม Capri by Fraser ที่กรุงโฮจิมินท์ มีรายได้รวม 94.48 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.1% และมีกำไรสุทธิ54.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.1% จากปีก่อนหน้า ส่วนโรงแรม IBIS Saigon South มีรายได้รวม 56.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 25.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.7%
"ในปีนี้ เราจะตอกย้ำจุดแข็งในฐานะที่เป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระเพื่อมุ่งสร้างการเติบโต โดยชูถึงความสำเร็จด้านผลการดำเนินงานของ SHREIT ที่พบว่า ทรัพย์สินที่เข้าลงทุนมีอัตราการเติบโตที่ดีมาก ทำให้ผู้ถือหน่วยได้รับตอบแทนสุงสุดจากการลงทุน และ SHREIT จะแสวงหาโอกาสการเพิ่มทรัพย์สินใหม่ๆ ให้แก่กองรีทเพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติม โดยจะขออนุมัติผู้ถือหน่วยในการออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรองรับแผนงานในครั้งนี้ไว้แล้ว" นายปธาน กล่าว
นายเจมส์ เทิค เบง ลิม กรรมการบริหาร สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส กล่าวว่า SHREIT มีกลยุทธ์การขับเคลื่อนทรัพย์สินที่แตกต่างจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองรีทประเภทอื่นๆ โดยกอง SHREIT สามารถกระจายความเสี่ยงและมีความยืดหยุ่นในการเข้าลงทุน เพื่อมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนและมีอัตราการเติบโตสูงจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน ที่เป็นเศรษฐกิจเกิดใหม่และมีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็ว รองรับโอกาสที่ดีจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนที่ดีขึ้นต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย
ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของ SHREIT ในการมุ่งขยายทรัพย์สินในกลุ่มธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มเติม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสการลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมในประเทศเดิมที่ SHREIT มีทรัพย์สินอยู่แล้ว ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม รวมถึงประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติม เช่น กัมพูชา มาเลเซีย และพม่า เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในเร็วๆ นี้ รวมถึงมีแผนผลักดันรายได้จากการดำเนินงานในทรัพย์สินเดิมที่ SHREIT เข้าลงทุนให้มากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหน่วยได้อย่างต่อเนื่องต่อไป
"ในปีนี้ เรามีโอกาสการเพิ่มทรัพย์สินใหม่ๆในกลุ่มธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคอาเซียน ที่ช่วยกระจายการลงทุนและสร้างความยืดหยุ่นในการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสและผลตอบแทนที่ดีจากการเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีโอกาสเติบโตสูงในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ ที่จะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานให้แก่กองSHREIT เติบได้เป็นอย่างดี" นายเจมส์ กล่าว
ด้านนายพิชัย ชินะโชติ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส กล่าวว่า สำหรับจุดเด่นทรัพย์สินเดิมที่SHREIT เข้าลงทุนได้แก่ โรงแรม Pullman Jakarta Central Park ในอินโดนีเซีย โรงแรม Capri by Fraser และ โรงแรม IBIS Saigon South ในประเทศเวียดนามนั้น ล้วนเป็นโรงแรมที่มีการบริหารงานโดยมือาชีพ โดยกลุ่ม Accor Hotels และ Frasers Hospitality ตลอดจนความโดดเด่นของทรัพย์สินที่มีกลุ่มผู้ใช้บริการหรือกลุ่มผู้เข้าพักที่แตกต่างกัน ทำให้ทรัพย์สินในประเทศอินโดนีเซียสามารถรับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่มีอำนาจการจับจ่ายสูงได้ดี รวทถึงการจัดงานแต่งงานและการประชุม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศอีกด้วย
ส่วนประเทศเวียดนามจะได้รับประโยชน์จากพลวัตทางเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งดึงดูดนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจและลงทุนเป็นจำนวนมาก ตลอดจนการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ทรัพย์สินของ SHREITสามารถรับโอกาสสูงสุดได้เต็มศักยภาพจากปัจจัยการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคได้ดี
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit