'ทีวี-ร้านค้าปลีก-ออนไลน์' เสริมประสิทธิภาพการขายสินค้าและตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน วางแผนลงทุนขยายร้าน TV Direct Showcase เพิ่มอีกประมาณ 15 สาขาพร้อมปรับรูปแบบให้ทันสมัย ด้านผู้บริหารประกาศรุกเข้าสู่ทีวีดิจิทัล หลังเซ็นสัญญาความร่วมมือผลิตรายการกับช่องสปริงนิวส์เป็นที่เรียบร้อย เตรียมเพิ่มผังรายการแนะนำสินค้าจากเดิมที่เน้นรายการข่าว พร้อมเพิ่มพอร์ตสินค้ากลุ่ม Health & Beauty ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี ตั้งเป้าดันรายได้รวมปีนี้ 3,990 ล้านบาท เติบโต 17%
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านการเชื่อมโยงช่องทางการขายทั้งออฟไลน์และออนไลน์เป็นหนึ่งเดียว (Omni Channel) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานปี 2561 ได้วางกลยุทธ์เพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตที่มั่นคงและผลักดันรายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3,990 ล้านบาท เติบโต 17% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,310.77 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะปรับโมเดลธุรกิจใหม่จาก Multi-Screen หรือการจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย สู่โมเดลใหม่ 'Omni Channel' ที่เป็นการเชื่อมโยงช่องทางการขายสินค้าแบบออฟไลน์และออนไลน์ทั้ง 3 ช่องทางของบริษัทฯ ได้แก่ 1.ทีวี (โฮม ช้อปปิ้ง) 2.ร้านค้าปลีก TV Direct Showcase และ 3.ช่องทางออนไลน์ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกันและตอบสนองพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจากพบว่ากลุ่มเป้าหมายของทีวี ไดเร็คที่เป็นผู้บริโภคอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไปยังคงรับชมรายการทีวี แต่จะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมทางออนไลน์เพื่อเปรียบเทียบราคาสินค้า ก่อนที่จะติดต่อสั่งซื้อสินค้าหรือมาเลือกซื้อด้วยตนเองที่ร้านค้าปลีก
ดังนั้น การทำตลาดเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่งจึงไม่สามารถหวังผลยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป ในปีนี้บริษัทฯ จึงมีแผนลงทุนขยายร้านค้าปลีก TV Direct Showcase เพิ่มอีกประมาณ 15 สาขา รวมเป็นประมาณเกือบ 100 สาขาภายในสิ้นปีนี้ พร้อมกับพัฒนารูปแบบร้านให้มีความทันสมัยและดึงดูดผู้บริโภค ขณะเดียวกันจะพัฒนาระบบซอฟท์แวร์ที่ใช้ในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมโยงข้อมูลและสนับสนุนการให้บริการแก่ลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TVD กล่าวว่า บริษัทฯ ยังได้รุกเข้าสู่ธุรกิจทีวีดิจิทัล โดยได้เซ็นสัญญาเป็นผู้ร่วมผลิตรายการช่องสปริงนิวส์ (ช่อง 19) เป็นระยะเวลา 4 ปีเป็นที่เรียบร้อย เพื่อร่วมมือกับทางสถานีวางแผนเพิ่มสัดส่วนผังรายการแนะนำสินค้าจากเดิมที่เน้นรายการข่าว แต่ยังคงช่วงเวลาออกอากาศข่าวในแต่ละวันตามกฎระเบียบของ กสทช. ซึ่งจะทำให้ทีวี ไดเร็ค มีช่วงเวลาโฆษณาแนะนำสินค้าทางช่องสปริงนิวส์เพิ่มขึ้น แต่มีต้นทุนลดลงเมื่อเทียบกับการซื้อเวลาโฆษณาโดยตรงจากทางสถานีแบบเดิม อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงรุกใช้สื่อโฆษณาทางทีวีดิจิทัลในช่องอื่นๆ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นการขายสินค้าอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกัน ได้เริ่มรุกเพิ่มพอร์ตสินค้ากลุ่ม Health & Beauty (กลุ่มสุขภาพและความงาม) ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการทำกำไร เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม วิตามิน สมุนไพร กาแฟลดน้ำหนัก ครีมบำรุง สบู่ ฯลฯ เบื้องต้นเตรียมทยอยแนะนำสินค้ากลุ่มนี้ออกสู่ตลาดอีกไม่ต่ำกว่า 20 รายการ เริ่มทยอยออนแอร์โฆษณาตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TVD กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือและบริษัทในกลุ่มทีวี ไดเร็ค ได้ตั้งเป้าหมายผลักดันกำไรในปีนี้ ได้แก่ 1.ธุรกิจโฮมช้อปปิ้งภายใต้บริษัท ทีวีดี โมโม่ จำกัด ที่ร่วมกับพาร์ทเนอร์จากไต้หวัน จะรุกเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าผ่านแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือเป็น 10% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3% 2.ธุรกิจนายหน้าประกันภัยภายใต้บริษัท ทีวีดี
โบรกเกอร์ จำกัด จะเร่งเพิ่มยอดขายจากประกันภัยประเภทต่างๆ 3.ธุรกิจรับขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าของกลุ่ม TVD และลูกค้าทั่วไปภายใต้บริษัท ลาสไมล์ ไดเร็ค จำกัด จะเพิ่มจุดบริการลูกค้าอย่างน้อย 10 สาขา เพิ่มจุดกระจายสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพจัดส่งและบริการใหม่ๆ
4.ธุรกิจให้บริการสนับสนุนแก่กลุ่มทีวี ไดเร็คและลูกค้าทั่วไปภายใต้บริษัท ทีวีดี เซอร์วิสเซส จำกัด จะเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการและระบบไอที รวมถึงเปิดตัวอะคาเดมีเพื่อให้บริการจัดฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 5.ธุรกิจให้บริการดาต้า
เซ็นเตอร์ และคลาวด์ เซอร์วิสเซส ภายใต้บริษัท เมจิค พีวอท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ทีวี ไดเร็ค ถือหุ้น 60% และบริษัท ซอฟท์ เดบู จำกัด ถือหุ้น 40% มีแผนเปิดตัวบริการใหม่ Cloud Telephony เป็นรายแรกในประเทศไทย ซึ่งจะผสมผสานจุดเด่นของการใช้ตู้สาขาโทรศัพท์และโทรศัพท์มือถือเข้าด้วยกัน และ 6.ธุรกิจให้บริการเอาท์ซอร์ส คอนแท็ค เซ็นเตอร์และให้คำปรึกษาการตลาดภายใต้บริษัท ทรี-อาร์ดี จำกัด ที่ TVD ถือหุ้น 25% จะรุกขยายธุรกิจด้าน Food Ordering Application หลังจากที่มี ซีเอ็นที เทค พาร์ทเนอร์รายใหม่จากประเทศเกาหลีเข้าถือหุ้นใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
"เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้แก่บริษัทฯ กลุ่มทีวี ไดเร็ค ยังได้ปรับโครงสร้างการทำงานใหม่เหลือ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มจัดซื้อ การตลาด (ดูแลมีเดีย) Omni Channel และกลุ่มปฏิบัติการ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีความคล่องตัวในการทำงานและยังเป็นการลดส่วนงานที่ซ้ำซ้อนอีกด้วย" นายทรงพล กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit