ภายในงานแบ่งเวทีออกเป็นสามเวทีได้แก่ THE STATION, THE ARMORY และ THE CORE บรรยากาศสนุกสนาน เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลาบ่ายสองโมงเมื่อทั้ง 2 เวทีอย่าง THE STATION และ THE ARMORY เริ่มเปิดประชันกันให้ผู้ร่วมงานได้เลือกไปมันส์กับดนตรีหลากแนวทั้ง EDM, Techno, Trance, Trap ฯลฯ ฝั่งเวที THE ARMORY เวทีอาวุธลับที่เต็มไปด้วย Bass และ Drop หนักๆ สำหรับทหารสาย Turnt โดยเหล่าดีเจชั้นนำที่ขนกันมาเป็นกองทัพ อาทิ Cauto, Wanton Witch, Paka, DJ Sunny, Dirtcaps, Caked Up, Getter, DBSTFN, Tantany, Breaker Bish, Henri, Secret Weapon, RayRay, Gent & Jawns, UZ, A-Trak, Kill The Noise และ Miss K8 ฟากเวที THE STATION ก็ไม่น้อยหน้ากับบีทลึกๆ ฟังเพลงบนพื้นหญ้าสบายๆ ที่ได้บรรดาดีเจสุดจี๊ดมาเรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าสาวกอีดีเอ็มได้ทั้งคืนแบบแรงดีไม่มีเสียงตก อาทิ Fabian Dresens, Edward Surton, Dennis Ascolii, Hosca, Headbirds, Pan – Pot, Ekception, Dan Buri, Atzar Live, Soi Dogs, Coran, Mendy Indigo, Marco Carola และ Xhin และสุดท้ายกับเวทีบิ๊กบึ้มของงานอย่าง THE CORE ที่ถึงแม้จะเปิดแสดงช้าสุดแต่ก็คุ้มค่าสมการรอคอย ซึ่งเหล่าผู้อยู่รอดโดยเฉพาะสาวๆ ทั้งหลายที่งานนี้แต่งตัวเข้าธีมแบบเล่นใหญ่จัดใหญ่ มาปลดปล่อยความมันส์กันที่เวทีเจนเนอเรเตอร์แสงและสี กับเหล่ากองทัพ Audiomancer ชื่อดังที่ขนกันมาเพียบ อาทิ 22Bullets, Futuristic Polar Bears, Thomas Gold, Otto Knows, Liquid Soul ฯลฯ
ไฮไลท์ที่พีคที่สุดของงานอยู่ในช่วงห้าทุ่มที่เวที THE CORE "Paul Van Dyk" นักดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์จากเยอรมัน ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี หนึ่งในรางวัลชั้นนำของโลกด้านดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ และโปรดิวเซอร์เพลงได้อยู่ในท็อป 10 ตั้งแต่ปี 1998 ที่ขายได้มากกว่า 3 ล้านอัลบั้มทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีดีเจตัวพ่อ Dash Berlin เจ้าของอัลบั้ม "Till the sky falls down" ที่ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งทั่วโลกออกมาวาดลวดลายสุดมันส์ให้ผู้ชมกรี๊ดดังลั่น อีกทั้งยังมี Kaskade ดีเจค่าตัวอันดับเจ็ดของโลกที่นิตยสารฟอร์บรายงานไว้ว่ามีสนนค่าตัว 18 ล้านยูเอสดอลล่าต่อปี มาร่วมเวทีนี้อีกด้วย ฟาก THE STATION ก็ไม่น้อยหน้าส่งตำนานสายเทคโนชื่อดังนาม "Sven Vaeth" หรือ "Papa Sven" ซึ่งเป็นที่รู้จักกับการเล่นเซ็ทรีมิกซ์ที่ Watergate & Kater Holzig ยาวถึง 30 ชั่วโมง ขึ้นโชว์ลีลาแบบมันส์สุดขั้ว
ก่อนปิดฉากแดนซ์กระจายกันที่เวที THE ARMORY ที่ได้ดีเจมากความสามารถอย่าง "Valentino Khan" เขาเริ่มต้นเส้นทางดีเจจากเป็นโปรดิวเซอร์เพลงแนว Hip Hop ให้กับ 2 Chainz, B.O.B ก่อนที่จะหันมาทางสายอีดีเอ็ม เขามักจะเป็นดีเจที่เล่นสไตล์ Hard House, Jungle Terror และ Big Room แทร็คของเขา Deep Down Low ได้คว้ารางวัล Most Popular Song Among DJs ในปี 2015 ปัจจุบันเขาเป็นที่รู้จักในวงการเพลงอีดีเอ็มเป็นอย่างมากกับการไปเยือนเฟสติวัลต่างๆ ทั่วโลก การันตีได้ว่าเทศกาล "ดรอปโซน เฟสติวัล แบงค็อก 2018" เป็นช่วงเวลาของผู้ร่วมงานได้เต็มอิ่มประทับใจไปด้วยความอลังการของโปรดักชั่น แสง สี เสียง ความสนุกสนานสุดมันส์จากเหล่าดีเจชั้นนำระดับโลกอย่างคุ้มค่าสมราคา ซึ่งบอสเมลาณี เมลตี้ ตันติวานิช พร้อมทีมงานภูมิใจนำเสนอความสำเร็จของ "ดรอปโซน เฟสติวัล แบงค็อก 2018" ว่าจะเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้มีโอกาสผงาดอยู่บนเวทีอันทันสมัยระดับโลกเช่นนี้ และแน่นอนว่าจะเป็นอีกหนึ่งเทศกาลดนตรีแปลกใหม่ ที่จะต้องดึงดูดนักท่องเที่ยวจากนานาชาติให้เข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในอยู่ผู้รอดของงาน ที่สำคัญเราจะได้เห็น ดรอปโซน เฟสติวัล แบงค็อก Episode 2 เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ในเร็วๆนี้ #dropzonefestival
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit