ซึ่งการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือและความเข้าใจระหว่าง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยโรงพยาบาล เลิดสินและบริษัท แอมเจน (ประเทศไทย)จำกัด ในครั้งนี้ มุ่งรณรงค์ให้ความรู้โครงการ "รู้ทัน...กันหักซ้ำ" สนับสนุนจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ ในการขับเคลื่อนโครงการให้เป็นรูปธรรม เพื่อพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้ดียิ่งขึ้น ตามนโยบายที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศให้โครงการ "รู้ทัน...กันหักซ้ำ" เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ 2560
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ข้อตกลงความร่วมมือขององค์กรที่เกี่ยวข้องในการทำงานร่วมกันเป็นไปตามนโยบายที่กระทรวงฯ ได้ออกประกาศให้โครงการ "รู้ทัน...กันหักซ้ำ"เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ 2560 ให้ดำเนินไปตามแผนงานเพื่อตอบสนองแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงของสังคมและประชากรตลอดจนความต้องการด้านสุขภาพของประเทศได้ทันท่วงที ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือและความเข้าใจระหว่างกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยโรงพยาบาลเลิดสิน และบริษัท แอมเจน (ประเทศไทย) จำกัด ครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ทีมงาน "รู้ทัน...กันหักซ้ำ" ให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องไปกับแนวทางของ Fracture Liaison Services (FLS) ซึ่งเป็นระบบการบริหารรูปแบบหนึ่งเพื่อขจัดปัญหาช่องว่างของการดูแลผู้ป่วย (care gap) และการจัดตั้งเครือข่าย การพัฒนาบุคลากรด้านสารสนเทศ และผู้เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "รู้ทัน...กันหักซ้ำ" ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน
นพ.สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการ "รู้ทัน...กันหักซ้ำ" กล่าวว่า โครงการรณรงค์ฯ ในครั้งนี้ นอกจากหน่วยงานแพทย์และสาธารณสุขแล้ว ยังต้องได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันให้ความรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการป้องกันเพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน ซึ่งสถิติผู้ป่วยโรคนี้เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ประมาณร้อยละ50 ของผู้ที่กระดูกหักหนึ่งจุดอันเนื่องมาจากกระดูกพรุน ก็จะมีโอกาสเกิดภาวะกระดูกหักซ้ำเพิ่มได้อีกในบริเวณอื่นๆ โดยกระดูกบริเวณที่พบว่ามีโอกาสหักได้บ่อยได้แก่ กระดูกสะโพกกระดูกหลัง กระดูกข้อมือ และผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนเนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีส่วนช่วยในการสร้างกระดูกจะลดต่ำลงมาก จึงทำให้เกิดภาวะสลายเซลล์กระดูกมีมากกว่าการสร้างเซลล์กระดูก
จากสถิติของการเกิดกระดูกหักซ้ำในผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน พบว่าจะมีกระดูกสะโพกหักซ้ำอีกข้างได้ร้อยละ 10 และกระดูกส่วนอื่นๆ หักตามมาได้ร้อยละ 12.20 ดังนั้นหากสามารถลดการเกิดกระดูกหักซ้ำลงได้ร้อยละ 25-50 หมายถึง การลดกระดูกสะโพกหักซ้ำ ให้เหลือร้อยละ 5 และกระดูกหักในส่วนอื่นๆ ให้เหลือร้อยละ 6-10 จะพบความแตกต่างของจำนวนผู้ป่วยสะสมในระยะที่ผ่านไปอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับแนวทางการรักษาภาวะกระดูกหักซ้ำประกอบด้วย การผ่าตัดรักษากระดูกสะโพกหัก แบบ Fast Track Surgery (ผ่าตัดไว) เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มอัตราการฟื้นตัวที่ดียิ่งขึ้น การเข้าถึงการประเมินและการรักษาภาวะกระดูกพรุน (Osteoporosis treatment) ที่ถูกต้องและเหมาะสม การประเมินความเสี่ยงต่อภาวะหกล้ม ผู้ป่วยและผู้ดูแลสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ การฟื้นฟูและบริหารร่างกายที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการล้มซ้ำ และเพื่อการฟื้นฟูสมรรถนะหลังการผ่าตัดให้ดียิ่งขึ้น ผู้ป่วยและผู้ดูแลสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่สำคัญด้านอื่นๆ การขยายขอบเขตการดูแลไปยัง Primary health care ในชุมชน มีการส่งต่อการดูแลไปยังชุมชนเพื่อการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน
นาย อีริค อึ้ง ผู้จัดการ บริษัท แอมเจน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า บริษัทแอมเจนรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือและความเข้าใจ ร่วมกับโรงพยาบาลเลิดสิน และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ในการขจัดปัญหาช่องว่างของการดูแลผู้ป่วยกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนในประเทศไทย ทำให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยโครงการ "รู้ทัน...กันหักซ้ำ" เป็นโครงการที่สอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทฯ ในการช่วยเหลือผู้ป่วย นอกเหนือจากวิธีการรักษาด้วยยา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ป่วยให้ดีขึ้น โดยบริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความสำเร็จในการดำเนินโครงการในครั้งนี้สามารถพัฒนาการให้บริการผู้ป่วยโรงกระดูกพรุนได้ดียิ่งขึ้น
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit