งานวิจัยเอคเซนเชอร์เผย วัฒนธรรมองค์กรคือหัวใจสำคัญ ช่วยปลดล็อกให้เกิดความเสมอภาคทางเพศ และลดความแตกต่างของค่าจ้าง รายงาน “Getting to Equal 2018” ระบุ 40 ปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยให้คนพัฒนาและก้าวหน้าในงาน

05 Jun 2018
งานวิจัยฉบับใหม่ของเอคเซนเชอร์ (ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก: ACN) ระบุมี 40ปัจจัยในที่ทำงานที่ช่วยเสริมสร้างวัฒนธรรมแห่งความเสมอภาค ในจำนวนนี้มี 14 ปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง รายงานฉบับนี้คือ "Getting to Equal 2018" ซึ่งได้ให้คำแนะนำที่ผู้บริหารสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในการเร่งพัฒนาองค์กร พร้อมทั้งเติมเต็มช่องว่างความไม่เท่าเทียมด้านค่าตอบแทนระหว่างเพศ (gender pay gap)
งานวิจัยเอคเซนเชอร์เผย วัฒนธรรมองค์กรคือหัวใจสำคัญ ช่วยปลดล็อกให้เกิดความเสมอภาคทางเพศ และลดความแตกต่างของค่าจ้าง รายงาน “Getting to Equal 2018” ระบุ 40 ปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยให้คนพัฒนาและก้าวหน้าในงาน

งานวิจัยชิ้นนี้สำรวจข้อมูลจากคนทำงานชายและหญิง กว่า 22,000 คนใน 34 ประเทศ เพื่อประเมินว่าคนกลุ่มนี้มีมุมมองอย่างไรต่อปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อวัฒนธรรมในองค์กร นอกจากนี้ การสำรวจยังได้ข้อมูลเชิงลึกจากการสัมภาษณ์ และการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับประเด็นเรื่องคนทำงาน

"งานวิจัยของเอคเซนเชอร์แสดงให้เห็นว่า บริษัทที่มีวัฒนธรรมในการทำงานที่ช่วยส่งเสริมผู้หญิงให้ก้าวหน้าไปพร้อมกับผู้ชาย จะทำให้พนักงานทุกคนและองค์กรก้าวหน้าไปด้วยกัน งานวิจัยนี้ จึงเป็นเสมือนเครื่องเตือนใจอันทรงพลัง ให้เราเห็นว่าการสร้างวัฒนธรรมแห่งความเสมอภาคเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะคนคือส่วนที่ทำให้องค์กรหลอมรวมเป็นหนึ่งและมีความหลากหลาย" นางสาวอินทิรา เหล่ามีผล กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจพลังงานและทรัพยากร เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าว

งานวิจัยของเอคเซนเชอร์พบว่าในองค์กรมีปัจจัยร่วมบางประการ ที่เสริมสร้างประโยชน์ให้แก่ทุกคน เช่น:

  • ร้อยละ 98 ของพนักงานพึงพอใจกับความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
  • ร้อยละ 90 ของพนักงานล้วนมุ่งมั่นปรารถนาที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง
  • ร้อยละ 80 มุ่งมั่นปรารถนาที่จะเป็นผู้บริหารระดับอาวุโสในองค์กร

นอกจากนี้ พนักงานยังมีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากขึ้น โดย:

  • ร้อยละ 42 ของผู้หญิงมีโอกาสที่จะได้เลื่อนตำแหน่งในระดับผู้จัดการหรือสูงกว่านั้น และมีโอกาสถึง 5 เท่าที่อาจจะได้เลื่อนตำแหน่งไปสู่ระดับผู้จัดการอาวุโส/ผู้อำนวยการฝ่าย หรือตำแหน่งที่สูงกว่านั้น
  • ร้อยละ 20 ของผู้ชายมีโอกาสที่จะได้เลื่อนตำแหน่งในระดับผู้จัดการหรือสูงขึ้นกว่านั้น และมีโอกาสถึง 2 เท่าที่อาจจะได้เลื่อนตำแหน่งไปสู่ระดับผู้จัดการอาวุโส/ผู้อำนวยการฝ่าย หรือตำแหน่งที่สูงกว่านั้น

ในขณะที่ทั้งหญิงและชายเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ โดยมีปัจจัยร่วมในองค์กรบางประการที่เหมือนกัน ผู้หญิงดูจะได้ประโยชน์มากที่สุด หากองค์กรต่างๆ มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีปัจจัยร่วมเหล่านั้น เนื่องจาก:

  • เมื่อเทียบกับผู้จัดการชาย 100 คน ผู้จัดการเพศหญิงอาจเพิ่มสัดส่วนเป็น 87 คน จากปัจจุบันที่ 100: 65
  • ค่าตอบแทนของผู้หญิงอาจเพิ่มขึ้นได้ถึงร้อยละ 52 หรือมากกว่านั้น คิดเป็นอีกประมาณ 20,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี
  • ผู้หญิงอาจจะมีรายได้ 94 เหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับชายที่มีรายได้ 100 เหรียญสหรัฐฯ นับเป็นการเติมเต็มช่องว่าง และยกระดับรายได้ของผู้หญิงทั่วทั้งสหรัฐฯ ได้ถึง 202 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

งานวิจัยนี้ยังพบว่า การวางเป้าด้านความเสมอภาคในองค์กรไว้อย่างชัดเจน จะเป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้บริหาร ในการเสริมสร้างให้วัฒนธรรมองค์กรแข็งแกร่งขึ้น

"วัฒนธรรมในองค์กรมีการวางแนวทางมาจากระดับบริหาร ผู้บริหารจึงต้องให้ความสำคัญเชิงกลยุทธ์กับความเสมอภาคทางเพศเป็นอันดับต้น ๆ การที่บริษัทมีสภาพแวดล้อมที่มีมนุษยธรรมและคำนึงถึงพนักงานอย่างแท้จริง เป็นที่ ๆ ทุกคนประสบความสำเร็จได้ ทั้งด้านอาชีพและชีวิตส่วนตัว เป็นที่ ๆ พนักงานสามารถเป็นตัวของตัวเองและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรในทุก ๆ วันที่มาทำงานจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก" นางสาวอินทิรากล่าว

รายงานนี้ ต่อยอดจากงานวิจัยในปี 2560 ของเอคเซนเชอร์ ซึ่งศึกษาว่าความรู้ความสามารถด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีจะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างทางเพศในที่ทำงานได้อย่างไร โดยรายงานฉบับนี้ ได้จัดกลุ่มปัจจัยสำคัญ 14 ประการที่พบว่ามีอิทธิพลต่อความเจริญก้าวหน้าในที่ทำงาน ไว้เป็น 3 หมวดใหญ่ ได้แก่ ภาวะผู้นำที่เด็ดเดี่ยว การมีส่วนร่วม และ สภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาส ทั้งนี้ ผลการวิจัยในตลาดสหรัฐฯ พบว่า:

  • ภาวะผู้นำที่เด็ดเดี่ยว (Bold leadership): ผู้หญิงมีโอกาสเพิ่มขึ้นสองเท่า และอาจเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในองค์กรที่มีเป้าหมายด้านความหลากหลายทางเพศชัดเจน (ร้อยละ 19 เทียบกับร้อยละ 10) การมีส่วนร่วม (Comprehensive action):
  • การมีส่วนร่วมในเครือข่ายแวดวงผู้หญิงด้วยกัน มีส่วนสัมพันธ์กับความก้าวหน้าของผู้หญิง อย่างไรก็ดี ผู้หญิงส่วนใหญ่ (ร้อยละ 81) ที่ได้สำรวจในรายงาน อยู่ในองค์กรที่ไม่มีเครือข่ายลักษณะดังกล่าว ส่วนองค์กรที่มีเครือข่ายพนักงานหญิง ก็พบว่า มีผู้หญิงสัดส่วน 6 ใน 10 (ร้อยละ 62) ที่ร่วมทำงานกับเครือข่าย โดยมากกว่า 2 ใน 3 (ร้อยละ 69) ที่อยู่ในเครือข่ายเผยว่า เป็นเครือข่ายที่รวมผู้ชายอยู่ด้วย
  • สภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาส (An empowering environment): ในบรรดาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าในงานนั้น ไม่มีปัจจัยใดเป็นการบังคับให้พนักงานต้องแต่งกายตามที่กำหนด แต่เป็นการมอบความรับผิดชอบและอิสระให้ทุกคนได้สร้างสรรค์และคิดค้นสิ่งใหม่

ผู้สนใจสามารถอ่านรายงานศึกษาจากตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก ได้ที่นี่: accenture.com/gettingtoequal

ระเบียบวิธีการวิจัย

ข้อมูลส่วนหนึ่งของงานวิจัย "Getting to Equal 2018" ได้มาจากการสำรวจพนักงานชายและหญิงกว่า 22,000 คนที่จบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย จาก 34 ประเทศ ซึ่งรวมพนักงานชายและหญิง 1,400 คนในสหรัฐอเมริกา โดยมุ่งศึกษาแนวทางในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ที่จะช่วยให้พนักงานชายและหญิงมีโอกาสเท่าเทียมกัน ในการเจริญก้าวหน้าในงานและด้านค่าตอบแทน การสำรวจนี้ ยังได้ข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับ "พนักงานหญิงที่เติบโตก้าวกระโดด (fast-track women)" ได้แก่ พนักงานหญิงที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและก้าวหน้าเร็วกว่าพนักงานหญิงคนอื่นในองค์กร เพื่อให้เข้าใจประเด็นปัญหาได้ดีขึ้น เอคเซนเชอร์ยังได้วิเคราะห์ข้อมูลที่เผยแพร่ทั่วไปเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ด้านการทำงาน อาทิ แรงงาน ความก้าวหน้าในการทำงาน ช่องว่างทักษะ (talent gap) วัฒนธรรมในที่ทำงาน การคุกคามทางเพศ เพศภาวะในองค์กรตามระดับชั้นตำแหน่ง แนวปฏิบัติที่ดีขององค์กร ซึ่งเมื่อผนวกรวมข้อมูลที่ได้จากการสำรวจและการค้นคว้าต่าง ๆ เอคเซนเชอร์ได้พัฒนาแบบจำลองทางเศรษฐมิติขึ้นมา เพื่อค้นหาปัจจัยที่มีอิทธิพลที่สุดต่อโอกาสของผู้หญิงที่จะได้รับความก้าวหน้าในงาน นอกจากนี้ ยังได้ใช้โมเดลในการหาคำตอบต่อคำถามประเภท "แล้วถ้า (what if)" เพื่อให้เข้าใจผลที่จะเกิดขึ้น หากช่องว่างความก้าวหน้าและค่าตอบแทน ลดลง ในกรณีองค์กรได้นำแนวทางไปใช้ปฏิบัติเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง

เกี่ยวกับเอคเซนเชอร์

เอคเซนเชอร์ เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ดิจิทัล การบริหารเทคโนโลยีและการปฏิบัติการชั้นนำของโลก และด้วยประสบการณ์ การทำงานอย่างลึกซึ้ง ผนวกกับศักยภาพที่สมบูรณ์แบบในกว่า 40 อุตสาหกรรมซึ่งครอบคลุมทุกสายงานของธุรกิจ พร้อมด้วยเครือข่ายการให้บริการที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้เอคเซนเชอร์สามารถร่วมมือกับลูกค้า เชื่อมต่อธุรกิจและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ยกระดับองค์กรของลูกค้าให้เป็นองค์กรที่มีศักยภาพและสมรรถภาพสูง สามารถสร้างคุณค่าอันยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้นได้ ปัจจุบันเอคเซนเชอร์ มีพนักงานประมาณ 442,000 คนในกว่า 120 ประเทศ เอคเซนเชอร์มุ่งพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยให้การใช้ชีวิตและการทำงานมีคุณภาพดีขึ้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.accenture.com