ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้อำนวยการสำนักด่านอาหารและยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.ได้พัฒนาต้นแบบสถานประกอบการแม่ข่าย Primary GMP และสถานประกอบการผลิตอาหาร จำนวน 55 แห่งจาก 50 จังหวัด เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านสถานที่ผลิตตามเกณฑ์ Primary GMP ในชุมชน สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้และเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นได้ นอกเหนือจากการพัฒนาสถานที่ผลิตให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานแล้ว การมีสินค้าที่เป็นความต้องการของตลาด โดยร่วมกับ สวทช.และทีมที่ปรึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆร่วมกันศึกษาค้นคว้านวัตกรรมใหม่เพื่อช่วยพัฒนาผู้ประกอบการแม่ข่าย ในการสร้างนักพัฒนาอาหารเพื่อให้สร้างผลิตภัณฑ์ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีคุณภาพมาตรฐานตามกฏหมายกำหนด เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าสินค้ามีคุณภาพและความปลอดภัย เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทยอีกด้วย สำหรับหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหารขั้นต้นนั้น จะควบคุมตั้งแต่สถานที่ผลิต กระบวนผลิต เครื่องมือ อุปกรณ์ การสุขาภิบาล การทำความสะอาด และบุคลากร เป็นเกณฑ์เบื้องต้นในการดูแลสถานที่ผลิตให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ มาตรฐาน อีกทั้งเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ให้สามารถส่งออกจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศได้สะดวกขึ้น สำหรับผู้ประกอบการที่พัฒนาระบบการผลิตผ่านตามเกณฑ์จีเอ็มพีขั้นพื้นฐาน สามารถขอเลขสารบบอาหาร หรือเลข อย. ไปแสดงในผลิตภัณฑ์
รศ.ดร.รัชพล สันติวรากร ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)กล่าวว่า สวทช. ได้ดำเนินโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2536 เพื่อสนับสนุน SME ในการทำวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาที่พบจริงในการผลิต โดยITAP ทำหน้าที่เสมือนเป็นฝ่ายวิจัยพัฒนาให้กับ SME เพื่อใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาทั้งทางด้านคุณภาพ เพิ่มผลิตภาพ สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ พัฒนาปรับปรุงกระบวนการ ฯลฯ ทำให้ SME มีความมั่นใจในการลงทุนโดยใช้ วทน. มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และกระบวนการจนมีรายได้เพิ่มขึ้นได้ ที่ผ่านมา ITAP สรรหาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และตรงกับโจทย์ความต้องการของ SME แต่ละราย และสนับสนุนการทำโครงการวิจัยและพัฒนาให้ SME เพื่อยกระดับเทคโนโลยีและสร้างนวัตกรรมมาแล้ว มากกว่า 6,000 โครงการ และทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ จากมหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยต่างๆ ไม่น้อยกว่า 1,300 ราย สำหรับโครงการการพัฒนาผู้ประกอบการอาหารที่เป็นต้นแบบสถานประกอบการแม่ข่ายของ อย. ITAP(สวทช.) มีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยพัฒนาผู้ประกอบการให้มีความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมระดับชุมชน ให้เป็นสินค้าที่มีมาตรฐานและตรงตามความต้องการของตลาด โดยการผลักดันผลิตภัณฑ์อาหารต้นแบบจากงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ต่อไป
นายจารึก จันทรวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นทรัลแล็บไทย กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ถือเป็นความจำเป็นและเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการเมื่อผลิตสินค้าขึ้นมาแล้วต้องนำสินค้าเข้ามาตรวจทางห้องแล็บ เพื่อตรวจวิเคราะห์สิ่งที่อาจสารปนเปื้อน หรือ สารเคมีตกค้างในสินค้าได้ ซึ่งหากผู้ประกอบการได้นำสินค้ามาผ่านการตรวจจากแล็บแล้วก็จะสามารถความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้ เพราะด้วยศักยภาพและขีดความสามารถของแล็บที่เครื่องมือและระบบมาตรฐานสากล ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025 มากกว่า 1,000 รายการทดสอบ รองรับงานทดสอบได้มากกว่า 400,000 ตัวอย่างต่อปี สามารถให้บริการด้านการตรวจวิเคราะห์มาตรฐานสินค้าให้กับกลุ่มผู้ส่งออก กลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจการเกษตร SMEs OTOP โดยที่ผ่านมา เซ็นทรัลแล็บให้บริการแก่ผู้ประกอบการส่งออกด้านอาหารเป็นหลัก ปี 2560 มีสินค้าที่เข้ารับการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการทั้งหมด 500,000 ตัวอย่าง กว่าร้อยละ 71.16 เป็นสินค้ากลุ่มอาหาร
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว"พลิก SME สู่อนาคตด้วยนวัตกรรม"ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมดังกล่าวแล้ว ยังนับเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและช่วยต่อยอดธุรกิจให้กับผู้ประกอบการด้วย
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit