แอดยิ้ม เปิดตัว “Digital Data Analysis”

11 Jun 2018
แอดยิ้ม เปิดตัว "Digital Data Analysis" บริการใหม่ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึกตอบรับกระแส Big Data ที่ทุกองค์กรต้องมีเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมโชว์ยอดโต 50% ตอกย้ำความสำเร็จผู้ให้บริการดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น ครบวงจรแนวหน้าของเมืองไทย ตั้งเป้า IPO ปี 2020
แอดยิ้ม เปิดตัว “Digital Data Analysis”

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในประเทศไทยเมื่อปี 2560 มีมูลค่าสูงถึง 12,402 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 14,330 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงสุดในประวัติกาลทีเดียว ด้วยเหตุนี้บรรดาแบรนด์และองค์กรต่างๆ จึงต้องคอยอัพเดทตัวเองให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกการตลาดดิจิทัล และการปรับตัวของผู้บริโภคเพื่อผลลัพธ์ที่ดีสุดของแบรนด์

นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง "แอดยิ้ม" (Adyim) ผู้ให้บริการด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น ครบวงจรระดับแนวหน้าของประเทศไทย ในเครือบริษัท YDM Thailand จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์ของแอดยิ้มที่นำมาเป็นแนวทางการทำงานด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา คือ การมุ่งเน้นศาสตร์ความรู้ 3 ด้านมาผสมผสานกัน นั่นคือ การตลาด การทำโฆษณา และเทคโนโลยี (Marketing + Advertising + Technology) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการให้กับลูกค้าในทุกประเภทของธุรกิจ โดยโฟกัสที่ผลลัพธ์ทางด้านธุรกิจของลูกค้าเป็นหลัก ไม่ใช่แค่การสร้างกระแสให้ "ว้าว" อยู่บนโลกโซเชียล แต่ไม่ตอบโจทย์หรือสุดท้ายก็จับต้องผลลัพธ์หรือวัดผลอะไรไม่ได้เลย โดยในปี 2561 นี้ เราจะเน้นหนักไปในเรื่องของ "เทคโนโลยี" มากขึ้น ล่าสุดเราได้ตั้งแผนก Digital Data Analysis เพื่อเข้าไปช่วยลูกค้าทำ Big Data ที่สามารถเอามาใช้ได้จริงในการทำการตลาดปัจจุบัน

"บริการที่เป็นพระเอกในปีนี้ ผมขอยกให้เป็นบริการด้าน Digital Data Analysis ในส่วนของการทำ Big Data อันที่จริงเรื่องนี้พูดกันมาพักใหญ่แล้ว แต่ลูกค้าก็ยังงงๆ กันว่าจะเอา Big Data มาทำอะไรในธุรกิจของเขา หรือมอง Big Data เป็นแค่ CRM โดยไม่ได้เอามาใช้ในการทำการตลาดแบบจริงจัง บริการนี้เราจะเข้าไปช่วยลูกค้าวางแผนในเรื่องนี้ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่เข้าไปดูว่าคุณมี Data ตรงส่วนไหนบ้าง เคยเก็บอะไรไว้บ้าง จัดเก็บแบบเป็นระบบแค่ไหน จากนั้นก็จะช่วยลูกค้าวางแผนที่จะรวบข้อมูลทั้งหมดมาไว้ที่เดียว แล้วช่วยแนะนำลูกค้าว่าจะต้องจัดเก็บอะไรเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อมูลสมบูรณ์และนำไปใช้ประโยชน์ได้ หลังจากรวบรวมข้อมูลทั้งหมดสำเร็จก็จะเริ่มทำการวิเคราะห์หาความเชื่อมโยงของ Data โดยใช้ทีม Data Scientist เข้าไปช่วยวิเคราะห์ว่า มี Data ชุดใดสามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางด้านการตลาด หรือเอาไปใช้ในการทำธุรกิจได้บ้าง รวมถึงการทำโมเดล Predictive ทำนายพฤติกรรมของลูกค้าที่มีโอกาสจะซื้อสินค้าหรือบริการของเราโดยมีการนำ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ด้วย" ซีอีโอแอดยิ้ม กล่าวนายธนพล กล่าวต่อ ส่วนตัวมองว่าเรื่อง Big Data ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพียงแต่ว่าลูกค้ามักจะยังไม่รู้ตัวมากกว่าว่าตัวเองควรหันมาเริ่มลงมือทำหรือให้ความสำคัญกับส่วนนี้ได้แล้วเพราะลูกค้าส่วนใหญ่ มักจะมี Data ชุดสำคัญๆ อยู่แล้ว เช่น Data ที่อยู่ในเว็บไซต์ของตัวเอง, Data ที่อยู่ใน Social Media ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ, Data ของผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ผ่านมา, Data ในระบบCRM ฯลฯ เพียงแต่ว่าลูกค้าขาดการจัดเก็บที่ดี และยังไม่มีคนเข้าไปบริหารจัดการ Data ให้เพราะเมื่อลูกค้ามีการจัดเก็บ Data ที่เป็นระบบ และนำไปใช้ร่วมกับการทำกิจกรรมทางการตลาดได้แล้วนั้นจะพบว่าสามารถประหยัดงบประมาณในการทำการตลาดได้อย่างมหาศาลแถมได้ผลมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า เช่น

  • สามารถยิง media ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำมากขึ้น ที่ไม่ใช่การยิง media แบบเดิมที่เน้นไปแค่ที่ Demographic, Geographic แต่เรายิงไปที่คนที่สนใจในสินค้าหรือบริการเราจริงๆ เท่านั้น
  • สามารถส่งอีเมล์แบบ one – to – one marketing เช่น ส่งอีเมล์ออกไป 10,000 ฉบับ โดยที่คนที่รับอีเมล์แต่ละคนนั้นจะได้รับอีเมล์ที่มีเนื้อหาไม่เหมือนกันเลย โดยเนื้อหาจะตรงกับความสนใจของคนที่รับเมล์นั้นๆ โดยเฉพาะ
  • การทำเว็บไซต์โชว์ข้อมูลแบบ One – to – One คือ คนที่เข้าเว็บไซต์เราแต่ละคนจะเห็นข้อมูลที่แสดงบนเว็บไม่เหมือนกัน โดยเราจะจัดแสดงข้อมูลที่คนๆ นั้นสนใจไว้ให้โดยเฉพาะ
  • การทำ Research หา Customer Insight โดยไม่ต้องเสียเวลาทำSurveyหรือ Focus Group แต่เราหาความเชื่อมโยงจากชุด Big Data ที่เราจัดเก็บเอง เป็นต้น

นอกจากนี้ ซีอีโอแอดยิ้มยังระบุถึงแผนการพัฒนาบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้นว่า แอดยิ้มมีแผนจะเข้าเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทสตาร์ทอัพใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำแพลตฟอร์มใหม่ๆ เข้ามาใช้ ไม่ว่าจะเป็น Ad Technology, Blockchain, AI ฯลฯ เพื่อจะนำพาลูกค้าให้ก้าวข้ามวิธีการทำการตลาดแบบเดิมๆ เข้าสู่ยุค 4.0 ที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนอย่างแท้จริง"ปีนี้เราจะเริ่มเข้าไปเป็น Business Partner กับลูกค้าแบบจริงจัง เราไม่ใช่แค่ ผู้ให้บริการ หรือ เป็นแค่ Vendor เจ้าหนึ่งแทนที่จะรอรับโจทย์จากลูกค้าเราจะเป็นคนตั้งโจทย์ให้กับลูกค้าเองว่า ถ้าคุณอยู่แบบนี้ต่อไป ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงในอนาคตคุณกำลังจะเจอกับอะไรบ้าง เราจะตอกย้ำให้เห็นว่าคุณกำลังจะแข่งขันไม่ได้ พร้อมกับยื่นมือเข้าช่วยเหลือชี้ให้ลูกค้าเห็นว่าคุณจะต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้างเตรียมตัวอะไรบ้าง ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะไม่สามารถทำในฐานะVendorได้ แต่ต้องทำในฐานะ Business Partner เท่านั้น" คุณธนพล กล่าว

ในส่วนของภาพรวมตลาดดิจิทัลในไทยและอาเซียนนั้น นายธนพลย้ำว่ายังเติบโตอีกมากเพราะขณะนี้ภาพรวมของการใช้เงินบนสื่อดิจิทัลของประเทศที่พัฒนาแล้วต่างๆ เช่น อเมริกา, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, ฯลฯ นั้นขึ้นไปแตะถึงระดับ 40% ของงบโฆษณาทั้งหมดแล้ว ในขณะที่บ้านเรายังอยู่ที่แค่ประมาณ 10% เท่านั้น ดังนั้นเราจึงน่าจะยังเติบโตได้มากกว่านี้ถึง 4 เท่า ซึ่งบรรดาแบรนด์ใหญ่ๆ ต้องหันมาให้ความ สำคัญกับเรื่องของการวัดผล หรือการทำPerformance marketing มากขึ้น เมื่อทุกอย่างวัดผลได้และเห็นผลชัดเจนแบรนด์ถึงจะกล้าใช้เงินกันมากขึ้น ส่วนตัวมองว่าแบรนด์ไหนที่สามารถปรับตัวได้เร็วจะมีความได้เปรียบเป็นอย่างมาก และแบรนด์ไหนที่ปรับตัวไม่ทันกับเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามาอาจจะถึงขั้นล้มหายตายจากไปจากตลาดเพราะตกอยู่ในสภาพที่แข่งขันไม่ได้

ทั้งนี้ผลประกอบการของแอดยิ้มนับว่าเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยในปีพ.ศ.2560 แอดยิ้มมีผลประกอบการอยู่ที่ 320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% และในปี พ.ศ.2561 นี้ได้ตั้งเป้าไว้ที่ตัวเลข 500 ล้านบาท และยังคงตั้งเป้าที่จะทำตัวเลขให้แตะยอด 1,000 ล้านบาท เพื่อจะนำบริษัทฯ เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในปี 2020

ปัจจุบัน "แอดยิ้ม" ได้รับการยอมรับและให้บริการลูกค้ามากกว่า 500 แบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย เช่น ปตท., SCG, Sony, Panasonic, ไทวัสดุ, Line, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, เมืองไทยประกันภัย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนชาติ เป็นต้น ด้วยทีมงานคุณภาพกว่า 120 คน และผลงานการสร้างสรรค์งานของแอดยิ้มได้รับการยอมรับจากลูกค้าและองค์กรชั้นนำมากมาย

Adyim ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2551 โดย คุณธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ เป็นผู้ให้บริการด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งระดับแนวหน้าของเมืองไทย โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่ช่วยต่อยอดกลยุทธ์ทางธุรกิจของลูกค้าอย่างครบวงจร ทั้งด้านการวางแผนกลยุทธ์ออนไลน์, การสร้างสรรค์ครีเอทแคมเปญ, การวางแผนสื่อออนไลน์, การสร้างกระแสให้กับแบรนด์และผลิตภัณฑ์โดยใช้ Social Media, Bloggers, Influencers พร้อมจัดทำเว็บไซต์, Mobile Applications, บริการฝึกอบรม Digital Marketing ฯลฯ จนเป็นที่ยอมรับจากบริษัทฯ และองค์กรชั้นนำกว่า 500 แบรนด์สินค้า อาทิเช่น L'Oreal, ปตท., SCG, Sony, ซาบีน่า , Panasonic, ไทวัสดุ, Line, ททท., เมืองไทยประกันภัย, ธนาคารไทยพาณิชย์ ฯลฯ การันตีด้วยรางวัลคุณภาพระดับนานาชาติ จนเติบโตอย่างก้าวกระโดดสูงถึง 1,200% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

HTML::image(