สหกรณ์โคนมท่าม่วง จำกัด จังหวัดกาญจนบุรี เป็นสหกรณ์ผู้ผลิตนมพร้อมดื่มเกรดพรีเมี่ยม ด้วยรสชาติเข้ม มันทุกหยด สดจากฟาร์ม อุดมด้วยโปรตีน ไขมัน แร่ธาตุ แคลเซียม ฟอสฟอรัส สามารถดื่มได้ในทุกเพศ ทุกวัย แถมราคาไม่แพง ซึ่งเบื้องหลังความอร่อยของนมที่นี่ ต้องเริ่มตั้งแต่การดูแลใส่ใจอาหารที่ใช้เลี้ยงโคนมอย่างพิถีพิถัน เพราะคุณภาพนมโคที่ดี ขึ้นอยู่กับอาหารที่ดี และกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ผ่านการคัดสรรน้ำนมดิบคุณภาพเยี่ยมเป็นเวลายาวนานกว่า 18 ปี ทำให้สมาชิกสหกรณ์โคนมท่าม่วง จำกัด มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์นมโคแท้ คุณภาพดีออกสู่ตลาด เพื่อส่งคุณค่านมโคแท้ 100% ป้อนสู่โครงการนมโรงเรียน เพื่อให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมคุณภาพดีที่สุดทุกวัน โดยมีรางวัลจากกรมปศุสัตว์การันตีว่าสหกรณ์แห่งนี้ผลิตนมที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย
ท่ามกลางการแข่งขันรุนแรงในตลาดนมภายในประเทศ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ผลิตนมพร้อมดื่มที่จะสร้างความแตกต่าง เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้ออย่างสม่ำเสมอทุกวัน แต่สหกรณ์โคนมท่าม่วง จำกัด ได้ปั้นแบรนด์น้องใหม่ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์นมโรงเรียนพาสเจอร์ไรซ์แบบบรรจุถุงของสหกรณ์โคนมท่าม่วง จำกัด สามารถเจาะตลาดนมโรงเรียนในอันดับต้นๆของประเทศได้แล้ว และสร้างเม็ดเงินให้สหกรณ์ได้อย่างงดงาม ด้วยผลตอบรับจากลูกค้าที่ดีอย่างต่อเนื่อง บวกกับความเชื่อมั่นในคุณภาพนมพร้อมดื่มของสหกรณ์ ทำให้สหกรณ์ โคนมท่าม่วง จำกัด มีแนวคิดที่จะฉีกตลาดนมพร้อมดื่มใหม่ ด้วยการผลิตนมรสจืดที่มีโปรตีนสูง เพื่อส่งจำหน่าย ให้กับร้านกาแฟ สำหรับนำไปเป็นส่วนผสมและทำให้รสชาติกาแฟมีความเข้มข้นด้วยน้ำนมโคที่มีคุณภาพ
นายปภณภพ เฉลิมกลิ่น ผู้จัดการสหกรณ์โคนมท่าม่วง จำกัด กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของสหกรณ์แห่งนี้ว่าสหกรณ์ได้เริ่มผลิตนมส่งให้ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ 2 ราย คือ บริษัทเอฟแอนด์ เอ็นแดรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เนสท์เล่ ไทย จำกัด ก่อนที่จะทำผลิตภัณฑ์นมสดพาสเจอร์ไรส์แบบบรรจุถุงเป็นสินค้าตัวแรกในปี 45 และส่งให้โรงเรียนต่างๆในจังหวัดกาญจนบุรีและกทม.บางพื้นที่ หลังจากเริ่มผลิตน้ำนมดิบมากว่า 18 ปี ปัจจุบันมีสมาชิก กว่า 200 ราย และมีโคนม 1800 ตัว กำลังการผลิต 20 ตันต่อวัน สร้างมูลค่าการตลาดกว่า 23 ล้านบาทต่อเทอม ที่ผ่านมา สหกรณ์ผลิตแค่นมโรงเรียนอย่างเดียว ซึ่งในเดือนกันยายนนี้ จะได้รับการสนับสนุนเครื่องจักรในการแปรรูปนมจากกรมส่งเสริมสหกรณ์จากงบไทยนิยมยั่งยืน เพื่อนำมาผลิตนมพาณิชย์ ซึ่งจะเน้นนมรสจืดที่มีโปรตีนสูงคุณภาพดีที่สุด และจะส่งขายให้กับร้านกาแฟโดยเฉพาะ เนื่องจากเห็นถึงโอกาสทางการตลาดผลิตภัณฑ์นมในขณะนี้ว่า ยังสามารถเจาะกลุ่มร้านกาแฟได้ เนื่องจากยังต้องการนมสดเพื่อนำไปตีฟอง เพื่อให้กาแฟมีรสชาติหอม เข้มข้น และกลมกล่อม ซึ่งได้มีการทดลองนำนมสดของสหกรณ์ไปตีฟองกับกาแฟแล้ว จะได้รสชาติกลางที่กลมกล่อมกำลังพอดี ดังนั้น สหกรณ์จะผลิตนมสดวันละ1 ตัน แบ่งเป็น 2 ขนาด คือ ขนาดเล็กบรรจุขวดเพื่อทดของขายให้เด็กมัธยม และขนาดใหญ่สำหรับส่งร้านกาแฟขวดละ 80-85 บาท ประมาณวันละ 5,000 ขวด สร้างรายได้ประมาณ 400,000 บาทต่อวันโดยจะเริ่มเจาะตลาดร้านกาแฟในจังหวัดกาญจนบุรีก่อน แล้วจะค่อยๆขยายไปตามจังหวัดใกล้เคียงและ ในกรุงเทพฯต่อไป คาดว่าไม่เกิน 2 ปีจะเห็นภาพตลาดนมสดที่ชัดเจน จากนั้นก็จะขยายกำลังการผลิตเพิ่ม เชื่อว่าเมื่อนมของสหกรณ์ออกสู่ตลาดแล้ว สามารถตีฟองแล้วทำให้รสชาติกาแฟไม่หายไป ตลาดก็จะวิ่งเข้ามาหาสหกรณ์เอง
"นมโคแท้ 100% ของสหกรณ์เราเป็นเบอร์หนึ่งประเทศไทยในด้านน้ำนมคุณภาพมาโดยตลอด ผมมองว่าการพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนมโคแท้ที่ดีและมีคุณภาพสูงจะต้องมาจาก อาหารคุณภาพ มีการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐาน กระบวนการรีดนมโค การออกแบบโรงเรือน การผสมเทียม การบันทึกข้อมูล และการดูแลสุขภาพโคนมตามที่กรมปศุสัตว์กำหนด เพื่อพัฒนานมโค 100% ให้มีคุณภาพดีอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งลักษณะของน้ำนมที่คุณภาพดีจะมีกลิ่นธรรมชาติ มีสีขาวปนเหลืองเล็กน้อย สะอาด ปลอดภัย รสชาติมันเข้มอร่อย จะช่วย สร้างความโดดเด่นที่แตกต่างจากนมทั่วไปในท้องตลาด สร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคตั้งแต่ได้สัมผัสครั้งแรก เพราะปัจจุบันตลาดมีตัวเลือกหลากหลาย สหกรณ์ต้องเน้นผลิตนมคุณภาพดีเป็นหลัก ไม่มีการปรุงแต่ง เพราะใช้น้ำนมดิบคุณภาพจากธรรมชาติจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องซื้ออย่างอื่นมาผสม ตอนนี้ลูกค้าให้การตอบรับดีและขายหมดทุกวัน จึงไม่กังวลเรื่องการตลาด และไม่เกิน 2 ปี สหกรณ์จะทำเป็นท่องเที่ยวเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจังหวัดกาญจนบุรี แวะมาทานนมสหกรณ์ และเที่ยวฟาร์มโคนมด้วย" นายปภณภพ กล่าว
ด้าน นายเชิดชัย พรหมแก้ว รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์พยายามยกระดับกระบวนการผลิตนมของสหกรณ์โคนมทุกแห่งให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ซึ่งคุณภาพของนมที่ได้จะขึ้นอยู่กับอาหารที่เลี้ยงโคนม พันธุ์โคนม มาตรฐานฟาร์มที่ดีและการพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบ และนับเป็นความโชคดีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในอำเภอท่าม่วง อยู่ในพื้นที่การปลูกข้าวโพดฝักอ่อนและมีความหลากหลายของวัตถุดิบที่ใช้ในการเลี้ยงโคนม ทำให้โคสามารถผลิตนมที่มีคุณภาพ ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์มีแนวคิดที่จะใช้สหกรณ์โคนมท่าม่วง จำกัด เป็นโมเดล นำร่องสหกรณ์โคนมทั่วประเทศ เนื่องจากสหกรณ์แห่งนี้มีพื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบจนเป็นที่ยอมรับ และได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย จึงอยากสนับสนุนให้สหกรณ์โคนมท่าม่วงพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาให้ผู้บริโภคได้บริโภคมากขึ้น เพื่อสอดรับกับการพัฒนาเมืองที่กำลังเจริญขึ้นและมีชายแดนติดกับเมืองทวายของพม่า ซึ่งจะทำให้จังหวัดกาญจนบุรีเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ดังนั้น จึงอยากให้ยกระดับผลิตภัณฑ์นมโคแท้ 100% ของสหกรณ์ ให้เป็นสินค้าเอกลักษณ์ของกาญจนบุรี และหวังว่าสหกรณ์จะเป็นแหล่งผลิตนมคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย
"ผมมองเห็นความแตกต่างของสหกรณ์แห่งนี้ เมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น ๆ เนื่องจากปัจจุบันสหกรณ์โคนม ทั่วประเทศมีประมาณ 100 แห่งแต่ละสหกรณ์ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นชัดเจนว่าสหกรณ์โคนมท่าม่วงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันนี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 20 ตันต่อวัน เชื่อว่าที่นี่น่าจะพัฒนาและขยายธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งจากการดำเนินงานร่วมกันระหว่างคณะกรรมการดำเนินงานและเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ พยายามมุ่งเน้นให้สมาชิกสหกรณ์โคนมท่าม่วงหันมาให้ความสนใจเรื่องคุณภาพ โดยเฉพาะอาหารโค พันธุ์โคและการเข้าร่วมโครงการวิจัยการลดต้นทุนและปรับประสิทธิภาพการเลี้ยงโคนมที่ปฏิบัติได้และเห็นผลจริงของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งสหกรณ์โคนมท่าม่วงเป็น 1 ใน 20 สหกรณ์ ที่ประสบความสำเร็จในการผลิตน้ำนมที่ดีที่สุดในประเทศไทย ภายใต้สโลแกน นมดีนมเด่น นมคุณภาพ สะอาดใส่ใจผู้บริโภค ดังนั้น ก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสหกรณ์อื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการจัดการฟาร์ม จนทำให้น้ำนมดิบของสหกรณ์โคนมท่าม่วงได้มาตรฐานไม่แพ้ต่างประเทศ เพราะน้ำนมผ่านการตรวจสอบค่าวิเคราะห์โปรตีน 3.1 ไขมัน 4.7 และเนื้อนมไม่รวมไขมัน 8.46 ซึ่งตัวเลขค่าวิเคราะห์จะเป็นตัวการันตีที่ดีที่สุดว่าน้ำนมดิบดีมีคุณภาพที่สุด จึงมั่นใจว่าสหกรณ์โคนมท่าม่วงจะสามารถขยายตลาดและสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดกาญจนบุรีได้ กรมส่งเสริมสหกรณ์พร้อมจะสนับสนุนศักยภาพทุก ๆ ด้านให้กับสหกรณ์" นายเชิดชัย กล่าว
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit