นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษก
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา
หนี้นอกระบบประจำเดือนพฤษภาคม 2561 โดยมีรายละเอียด สรุปได้ดังนี้ สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (
สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ที่กระทรวงการคลังเปิดให้ผู้สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เป็นต้นมา จนถึง ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2561 มีนิติบุคคลยื่นคำขออนุญาตทั้งสิ้น 480 ราย ใน 66 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้ยื่นคำขออนุญาตมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา 46 ราย กรุงเทพมหานคร 39 ราย และร้อยเอ็ด 30 ราย ทั้งนี้ มีจำนวนที่คืนคำขออนุญาตทั้งสิ้น 76 ราย ใน 39 จังหวัด จึงมีนิติบุคคลที่ยื่นคำขออนุญาตสุทธิ 404 ราย ใน 64 จังหวัด และมีผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจแล้ว 357 ราย ใน 63 จังหวัด ซึ่งในจำนวนนี้ ได้เปิดดำเนินการแล้ว 248 ราย ใน 59 จังหวัด และมีผู้ประกอบการที่ปล่อยสินเชื่อแล้ว 204 ราย ใน 56 จังหวัด โดยผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตสามารถปล่อยสินเชื่อได้ภายในเขตจังหวัดให้แก่ผู้มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ภายในจังหวัดนั้น ๆ วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดดอกเบี้ยในอัตราไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี (Effective Rate) ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2561 มียอดสินเชื่ออนุมัติสะสม 17,335 บัญชี รวมเป็นเงิน 463.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่ออนุมัติเฉลี่ย 26,744.70 บาทต่อบัญชี ประกอบด้วย สินเชื่อแบบมีหลักประกัน 9,066 บัญชี เป็นเงิน 287.54 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 62.02 ของจำนวนสินเชื่อที่อนุมัติ และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน 8,269 บัญชี เป็นเงิน 176.08 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.98 ของจำนวนสินเชื่อที่อนุมัติ ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างรวมมีทั้งสิ้น 4,825 บัญชี คิดเป็นเงิน 148.15 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อที่ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน มีจำนวน 298 บัญชี คิดเป็นเงิน 9.96 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.72 ของยอดสินเชื่อคงค้างรวม และมีสินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน (NPL) จำนวน 130 บัญชี คิดเป็นเงิน 4.56 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.08 ของสินเชื่อคงค้างรวม สินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้อนุมัติสินเชื่อเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินให้เป็นทางเลือกของประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบแทนหนี้นอกระบบ รายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.85 ต่อเดือน โดยได้เร่งกระจายความช่วยเหลือด้านสินเชื่อดังกล่าวแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2561 มีการอนุมัติสินเชื่อรวม 251,531 ราย เป็นเงิน 11,227.93 ล้านบาท จำแนกเป็นสินเชื่อที่อนุมัติแก่ประชาชนทั่วไป 235,481 ราย เป็นเงิน 10,518.42 ล้านบาท และสินเชื่อที่อนุมัติแก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 ที่มีหนี้นอกระบบ จำนวน 16,050 ราย เป็นเงิน 709.51 ล้านบาท
การดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงกวดขันจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบและผู้ติดตามทวงถามหนี้โดยวิธีการผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินการสะสมนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 เป็นต้นมา ถึง ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2561 มีการจับกุมผู้กระทำผิดรวมทั้งสิ้น 2,633 คน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ยึดแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาล เพื่อให้การแก้ปัญหามีความยั่งยืนใน 5 มิติ ได้แก่ (1) ดำเนินการจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย (2) เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ (3) ลดภาระหนี้นอกระบบโดยการไกล่เกลี่ย (4) เพิ่มศักยภาพลูกหนี้นอกระบบ และ (5) การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ พร้อมกันนี้ กระทรวงการคลังได้ขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบแบบครบวงจร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การร่วมผลักดันเจ้าหนี้นอกระบบรายใหญ่ที่มีลูกหนี้จำนวนมากเข้าสู่การไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ของคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบประจำจังหวัดและขอความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์เชิญชวนเจ้าหนี้นอกระบบให้หันมาดำเนินธุรกิจสินเชื่อในระบบให้เป็นไปตามกฎหมายด้วยการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นแหล่งเงินกู้ทางเลือกที่สำคัญของประชาชน นอกจากนี้ หากพบว่า ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่ได้รับใบอนุญาตมีการปล่อยเงินกู้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย ขอให้ตำรวจดำเนินการทางกฎหมายและแจ้งมายัง สศค. เพื่อพิจารณาบทลงโทษหรือเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลและรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่เปิดดำเนินการได้ทางเว็บไซต์ www.1359.go.th และสามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับสินเชื่อนอกระบบได้โดยตรงที่สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1135 หรือขอคำแนะนำได้ที่ สายด่วน 1359