นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารมีนโยบายในการสนับสนุนลูกค้าเอสเอ็มอีมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่สำคัญของธนาคารและต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่ที่ผ่านมาธุรกิจเอสเอ็มอียังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน จากปัญหาการไม่มีข้อมูลทางการเงินเพียงพอสำหรับธนาคารในการพิจารณาสินเชื่อ ไม่มีหลักประกัน รวมถึงขาดการวางแผนการทางการเงิน จึงทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบยาก ส่งผลให้ธุรกิจหยุดชะงักและทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทย เข้าใจดีว่าเงินลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้เอสเอ็มอีสามารถดำเนินธุรกิจและเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงได้พัฒนาโมเดลในการพิจารณาสินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอีขึ้นมาใหม่ โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า เช่น ข้อมูลด้านเงินฝาก การใช้เครดิต และข้อมูลจากแอปพลิเคชัน K PLUS เป็นต้น เพื่อประเมินหาความต้องการทางการเงิน และนำเสนอสินเชื่อผ่านมือถือ ซึ่งการใช้ AI และเทคโนโลยีของมือถือเข้ามาช่วย ทำให้ธนาคารรู้ว่าต้องนำเสนอสินเชื่อ "ให้ใคร" ที่มีความต้องการเงินทุน นำเสนอ "ให้เมื่อไหร่" ที่ตรงกับช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการ และนำเสนอ "ให้เท่าไหร่" ซึ่งเป็นวงเงินที่เพียงพอสำหรับความต้องการของธุรกิจลูกค้า
การนำเสนอสินเชื่อเอสเอ็มอีผ่านมือถือ นอกจากระบบจะรู้ว่าใครมีความต้องการสินเชื่อแล้ว ยังมีขั้นตอนในการรับเงินสินเชื่อที่รวดเร็วมากขึ้น เมื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับแจ้งข้อเสนอสินเชื่อผ่านเมนู Life PLUS บนแอปพลิเคชัน K PLUS เพียง 3 ขั้นตอน คือ 1.ลูกค้าเลือกข้อเสนอ 2.ธนาคารพิจารณาอนุมัติ 3.ลูกค้าคลิ๊กตกลงรับสินเชื่อ เงินจะโอนเข้าบัญชีลูกค้าทันทีภายใน 1 นาที โดยให้วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท ไม่ต้องใช้หลักประกัน ไม่ต้องยื่นเอกสาร
การนำเสนอสินเชื่อดังกล่าว นับว่าเป็นการพลิกโฉมการให้สินเชื่อเอสเอ็มอีเป็นธนาคารแรก เพราะโดยปกติการขอสินเชื่อเอสเอ็มอีจะใช้เวลาในการพิจารณา และใช้เอกสารในการสมัครหลายอย่าง แต่การนำ AI และเทคโนโลยีของมือถือ เข้ามาสร้างโมเดลอัจฉริยะในการวิเคราะห์ข้อมูลและความต้องการสินเชื่อ จะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับประโยชน์หลายประการ อาทิ ลดขั้นตอนในการขอสินเชื่อ ได้วงเงินที่เพียงพอในเวลาที่ต้องการโดยไม่ต้องร้องขอ ไม่เสียโอกาสทางธุรกิจ และยิ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีการเดินบัญชีสม่ำเสมอ มีวินัยทางการเงิน จะทำให้ธนาคารมีข้อมูลเพียงพอในการใช้ระบบวิเคราะห์เพื่อนำเสนอสินเชื่อแก่ลูกค้า โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็กก็จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น และในอนาคตเมื่อธนาคารมีข้อมูลลูกค้ามากขึ้น ระบบ AI จะสามารถพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการของลูกค้าได้แม่นยำยิ่งขึ้น ก็จะเป็นโอกาสที่จะขยายสินเชื่อให้เอสเอ็มอีได้มากขึ้นและกับกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น
นายสุรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ธนาคารได้นำเสนอสินเชื่อเอสเอ็มอีผ่านมือถือไปตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเป็นการส่งแจ้งเข้าไปที่เมนู Life PLUSบนแอปพลิเคชัน K PLUS ของลูกค้า ซึ่งได้รับความสนใจและตอบรับวงเงินที่ธนาคารนำเสนอ นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีจากลูกค้า และจากการที่ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น จึงเชื่อว่าลูกค้าเอสเอ็มอีน่าจะมีความต้องการที่จะใช้เงินทุนหมุนเวียนและขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งการนำเสนอและอนุมัติสินเชื่อที่ง่ายและรวดเร็วจะช่วยให้ลูกค้าเลือกใช้บริการสินเชื่อกับธนาคารมากขึ้น โดยในปีนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีผ่านมือถือ 3,000ล้านบาท
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit