"โครงการรับซื้อข้าวโดยตรงจากชาวนาใน 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเทสโก้ โลตัส นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐและประชาชน และนำนโยบายของรัฐบาลมาขับเคลื่อนจนเกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถขยายโอกาสทางการตลาดให้กับผลผลิตการเกษตรได้เข้าถึงผู้บริโภคในทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง และสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับเกษตกรรได้อย่างมั่นคง ซึ่งขณะนี้ เกษตรกรสามารถขายข้าวสารหอมมะลิได้ในราคา 32,000 บาท/ตัน สูงกว่าราคาท้องตลาด 4,000 บาท นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้วางแผนขยายผลนโยบายส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่เพิ่มเติมอีก 6,000 แปลงในปีนี้ จากปัจจุบัน 3,800 แปลง สามารถจับคู่การค้าระหว่างกลุ่มเกษตรกรและผู้ค้าได้แล้ว 800 แปลง เร็วๆ นี้ เตรียมสนับสนุนการปลูกพืชอื่นที่ตลาดมีความต้องการเพิ่มเติม อาทิ ข้าวโพด มันสำปะหลัง เป็นต้น"
ด้านนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์มีนโยบายในการพัฒนาศักยภาพ การผลิตข้าวของสหกรณ์การเกษตรให้มีคุณภาพได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของตลาด พร้อมทั้งได้ส่งเสริมให้สหกรณ์ที่มีโรงสีข้าวดำเนินธุรกิจข้าวแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่การรวมกลุ่มปลูกข้าวแบบนาแปลงใหญ่ ส่งเสริมสมาชิกใช้เมล็ดพันธุ์ดีมีคุณภาพ และผลิตข้าวเปลือกให้ได้ตามมาตรฐาน GAP และป้อนสู่โรงสีข้าวเพื่อดำเนินกาแปรรูปเป็นข้าวสาร ซึ่งโรงสีข้าวสหกรณ์ส่วนใหญ่ผ่านการตรวจรับรองมาตรฐาน GMP ซึ่งการสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มผลิตข้าวครบวงจร และมีการบริหารจัดการการผลิตและการตลาดร่วมกัน จะช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตลง และสามารถเชื่อมโยงกับภาคเอกชนเข้ามารับซื้อผลผลิตที่มีคุณภาพได้ในรูปแบบ "ประชารัฐ" เช่นเดียวกับโครงการรับซื้อข้าวโดยตรงจากชาวนาใน 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของเทสโก้ โลตัส ที่มีความร่วมมือกับทั้งหน่วยงานภาครัฐ สหกรณ์และห้างโมเดิร์นเทรด มีการต่อยอดและขยายผลที่ชัดเจน ได้เห็นแนวทาง"การตลาดนำการผลิต" ที่มีค้าปลีกใหญ่อย่างเทสโก้ โลตัส เป็นพี่เลี้ยงและเปิดช่องทางการตลาดให้กับเกษตรกร ในการวางแผนการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด ตกลงปริมาณการรับซื้อที่แน่นอน รวมถึงตกลงราคาขายข้าวสารที่เป็นธรรมต่อเกษตรกร มีการต่อยอดและขยายผล นำมาซึ่งรายได้ที่มั่นคงของสมาชิกสหกรณ์ทั้ง 4 แห่ง รวมทั้งสิ้นกว่า 140,000 คน