ฟิทช์คงอันดับเครดิตของสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคารในประเทศไทย 4 แห่งที่เป็นบริษัทลูกของสถาบันการเงินต่างประเทศ

18 Jun 2018
ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคารในประเทศไทย 4 แห่งที่เป็นบริษัทลูก (subsidiary) ของสถาบันการเงินต่างประเทศดังนี้
  • บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) หรือ EB ที่ 'AA+(tha)'
  • บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MBKET ที่ 'AA+(tha)'
  • บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด หรือ YSTH ที่ 'AA(tha)'
  • บริษัทหลักทรัพย์โนมูระพัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS ที่ 'AA(tha)'

โดยทั้ง 4 บริษัทมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพสำหรับรายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตภายในประเทศและอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

อันดับเครดิตของทั้ง 4 บริษัท สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่าบริษัททั้ง 4 แห่งน่าจะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ของแต่ละบริษัท ซึ่งคือ ACOM CO., LTD. (ACOM; A-/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ), และ Malayan Banking Berhad (Maybank, A-/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ), Yuanta Financial Holdings (YFHC; BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) และ Nomura Holdings Inc. (NH; A-/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ/อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ที่ bbb+) มุมมองดังกล่าวสะท้อนถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทลูกต่อบริษัทแม่เนื่องจากบริษัทแม่มีสัดส่วนการถือหุ้นในระดับสูง มีอำนาจควบคุมการบริหารงานในบริษัทลูกและมีการเชื่อมโยงการดำเนินงานอย่างสอดคล้องกันกับกลุ่มในระดับสูง (integration) อีกทั้งยังมีการสนับสนุนซึ่งกันและกัน (synergy) ระหว่างบริษัทลูกกับบริษัทแม่ นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนในด้านต่างๆ จากบริษัทแม่

อันดับเครดิตภายในประเทศของ CNS พิจารณาจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ NH แทนที่จะเป็นอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign Currency Issuer Default Rating) เนื่องจากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ NH มีปัจจัยสนับสนุนมาจากการคาดการณ์ของฟิชท์ว่า NH จะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษนอกเหนือจากการดำเนินงานตามปกติจากรัฐบาลญี่ปุ่น (A/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถีรภาพ) ในกรณีที่มีความจำเป็น แต่ฟิทช์ไม่คาดว่าการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นที่ระดับบริษัทแม่ จะครอบคลุมมาถึง CNS ซึ่งเป็นบริษัทลูกในประเทศไทย

ฟิทช์ให้อันดับเครดิตของตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของ EB และ YSTH ที่ระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศของแต่ละบริษัท ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ในการจัดอันดับเครดิตของฟิทช์

อันดับเครดิตโครงการหุ้นกู้ระยะสั้นของ CNS อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ CNS เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ

ฟิทช์ให้อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ MBKET และ YSTH ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศของบริษัทแต่ละบริษัทอยู่ 1 อันดับ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมี ความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risks) มากกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิ ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิจะมีลำดับสิทธิในการเรียกร้อง (priority of claims) ด้อยกว่าเจ้าหนี้บุริมสิทธิและเจ้าหนี้สามัญอื่นของบริษัท (senior creditors) นอกจากนี้อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่หุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption features) และไม่มีคุณสมบัติการแปลงเป็นทุน (equity conversion)

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตหรือฐานะทางการเงินของบริษัทแม่ของแต่ละแห่งอาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของ MBKET, EB YSTH และ CNS ซึ่งเป็นบริษัทลูก

ฟิทช์อาจทำการปรับเปลี่ยนอันดับเครดิตหากฟิทช์เชื่อว่ามีการเปลี่ยนแปลงในโอกาสที่บริษัทแม่จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากการดำเนินงานตามปรกติแก่บริษัทลูก เช่นฟิทช์อาจทำการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทลูกหากบริษัทลูก มีสัดส่วนการทำกำไรให้กับกลุ่มในระดับที่สูงขึ้นจนมีสถานะเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญของกลุ่ม (core subsidiary) ฟิทช์อาจทำการปรับลดอันดับเครดิตหากบริษัทแม่ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงอย่างมีนัยสำคัญหรือมีระดับการให้การสนับสนุนทางการเงินที่ลดลง อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะปานกลาง

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต –อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ

การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของ MBKET และ YSTH น่าจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ของบริษัท

รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้:

MBKET:

  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AA+(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลเงินบาทคงอันดับที่ 'AA(tha)'

EB:

  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AA+(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันคงอันดับที่ 'AA+(tha)'

YSTH:

  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของโครงการหุ้นกู้ระยะสั้น ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันคงอันดับที่ 'F1+(tha)'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลเงินบาทคงอันดับที่ 'AA-(tha)'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ คงอันดับที่ 'AA-(tha)'

CNS:

  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของโครงการหุ้นกู้ระยะสั้น ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันคงอันดับที่ 'F1+(tha)'