เรื่องย่อ: รักจังเอย

04 May 2018
บทประพันธ์/บทโทรทัศน์ ณพุทธ สุศรีฯ

กำกับการแสดง คุณฉัตรชัย เปล่งพานิช

ผู้จัด คุณสินจัย เปล่งพานิช

ผลิตในนาม บริษัท มหานิยมชมชอบ จำกัด

เมื่อคุณหมอหน้าใส ต้องกลายเป็นอนามัยสาวประจาหมู่บ้าน วันไหนมีดผ่าตัดไม่มี ใช้มีดทาครัวแทนก่อนก็ยังทนได้ มื้อไหนคนไข้ไม่มี ยอมทาคลอดให้หมูแทนก่อนก็ยังไหว แต่เรื่องแฟนไม่มีนี่สิ อนามัยสาวลาบากใจ… ความฝันของไพลิน (หมอเอย) นิสิตแพทย์สาวสวยผู้คลั่งไคล้ในแฟชั่นและความperfect ต้องพังทลาย เมื่อทิวา แฟนหนุ่มของเธอกลับไปปันใจให้กับขวัญตาเพื่อนรักที่จงใจหักเหลี่ยม ด้วยความหุนหันต้องการประชดรัก ไพลินจึงสมัครไปทา งานใช้ทุนหลวงที่หมู่บ้านห่างไกลความเจริญที่ชื่อท่าสาเริง การเดินทางของแม่ดอกฟ้าอดีตดาวคณะได้เปิดฉากขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะนอกจากจะต้องผจญกับพวกมิจฉาชีพบนรถตู้แล้ว เธอยังต้องเจอโจทก์เก่าอย่างนายดา รง ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มจอมปากร้ายแห่งหมู่บ้านท่าสา เริงอีกด้วย เหตุเพราะทั้งสองเคยมีเรื่องปะทะคารมกันมาก่อนเมื่ออยู่กรุงเทพฯ จึงทา ให้เกลียดขี้หน้ากันเข้าไส้ ไพลินไม่ชอบนายดา เพราะเขาเป็นคนหัวรั้น บ้าอุดมการณ์บ้าทฤษฎี แต่ทา อะไรไม่เคยประสบความสำเร็จสักอย่าง ส่วนนายดา ก็ไม่ชอบไพลินเช่นกัน เพราะเขาไม่เชื่อว่าสาวไฮโซบ้าแฟชั่นอย่างเธอจะรักษาคนได้ แถมพอคืนแรกที่ไพลินมาถึงนั้น เธอก็ได้ดื่มเหล้าป่าที่ชาวบ้านเอามาเลี้ยงต้อนรับจนเมาแอ๋ และแสดงกริยาโลดโผนแด๊นซ์กระจายออกมา นายดา วางแผนที่จะเสือกไสเธอไปจากหมู่บ้าน เพื่อที่ทางอำเภอจะได้ส่งแพทย์คนใหม่มาแทน แต่แผนการณ์ของนายดา ก็ไม่เคยประสบผลสำ เร็จ เพราะไพลินนั้นเป็นคนหัวดื้อ ยิ่งนายดา ต่อต้านเธอมากเท่าไหร่ หญิงสาวก็ยิ่งฮึดสู้มากมายเท่านั้น ความไม่กินเส้นกันระหว่างไพลินกับนายดา ทา ให้เริ่มมีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายกันในหมู่บ้าน ผู้ที่ถือหางข้างนายดา ประกอบไปด้วย กิมลั้งลูกสาวเถ้าแก่เฮี๊ยบเจ้าของร้านกาแฟ ที่แอบหลงปลื้มนายดา มาตั้งแต่สมัยเรียนประถม กับคเชนทร์โชเฟอร์รถสองแถว และละไมโฆษกประจา หมู่บ้านที่เป็นทั้งเพื่อนและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านของนายดา รักจังเอย บทประพันธ์จดลิขสิทธิ์ กรุณาทาลายเอกสารหลังเลิกใช้งาน 2

ส่วนฝ่ายหมอไพลินนั้นก็มีครูสันติ คุณครูหนุ่มหน้าใสสไตล์เปิ่นๆคอยเชียร์ และยังมีนายสมานพ่อของนายดา ที่เอ็นดูกว่าลูกในไส้ รวมไปถึง"มะลิ"น้องสาวของนายดา ที่เทิดทูนไพลินเป็นไอดอลในดวงใจ ถึงขนาดสมัครเป็นพยาบาลอาสาเพื่อมาช่วยงานไพลิน ปัญหาในสถานีอนามัยทา เอาไพลินเกือบถอดใจอยู่หลายครั้ง เพราะนอกจากสถานที่จะจะทรุดโทรมแล้ว ยังขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์ที่จา เป็นหลายอย่าง หนา ซ้า ชาวบ้านก็งมงายเชื่อเรื่องผีสางนางไม้มากกว่าเชื่อฟังหมอเสียอีก ฝ่ายนายดา ก็ฉวยโอกาสนี้ร่วมมือกับเพื่อนๆปล่อยตัวเป็นผีมาหลอกหมอไพลิน แต่ไพลินเกิดจับได้จึงรวมหัวกับมะลิแกล้งทา เป็นถูกผีเข้า เพื่อหลอกให้นายดา ทา พิธีขอขมาอีกด้วย นายดา โกรธมากที่ถูกไพลินหลอกให้เสียหน้า เขาจึงระเบิดอารมณ์ต่อว่าเรื่องที่เธอไม่มีคุณสมบัติความเป็นหมอออกมาอย่างรุนแรง แถมในเวลาไล่เลี่ยกันเสี่ยอำนาจผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ซึ่งต้องการกว้านซื้อที่ของชาวบ้านก็ได้พยายามผูกมิตรกับหมอไพลิน เพื่อให้มาช่วยเหลืองานของตน ทา ให้นายดา ยิ่งเข้าใจผิดไพลินมากขึ้นไปอีก แต่ระหว่างนั้นเองไพลินก็มีโอกาสช่วยเหลือเถ้าแก่เฮี๊ยบเอาไว้จากอาการป่วยสาหัส เธอแสดงฝีมือผ่าตัดช่วยคนไข้ให้รอดตายได้อย่างฉิวเฉียด วีรกรรมของหมอไพลินเป็นที่ประทับใจของทุกคนในหมู่บ้าน แต่ตัวเธอกลับต้องล้มป่วยเพราะตรากตรำกับการดูแลคนไข้ในครั้งนี้ด้วยเหตุนี้นายดา จึงยอมสงบศึกกับไพลินเป็นการชั่วคราว เขาคอยดูแลเธอเป็นอย่างดีในช่วงที่เธอไม่สบาย ขณะที่ชาวบ้านก็ส่งตัวแทนมาขอบใจเธอกันยกใหญ่ ทา ให้ไพลินเริ่มซาบซึ้งในวิชาชีพหมอ และเริ่มละอายในเป้าหมายของตัวเองเคยเหลวไหลเมื่อก่อนหน้านี้ทางด้านเสี่ยอำนาจก็ไม่พอใจที่ไพลินไม่ยอมเข้าพวกกับตน จึงวางแผนใส่ร้ายด้วยการส่งคนไปสลับยาในสถานีอนามัย จนทา ให้มีชาวบ้านล้มป่วยเพราะพิษยากันมากมาย หนา ซ้า เมื่อมีคนไข้รายหนึ่งเสียชีวิตลงในขณะที่ไพลินยังไม่ทันได้รักษา เสี่ยอำนาจก็รีบให้ลูกน้องประโคมข่าวว่าหมอไพลินเป็นต้นเหตุ แผนการดังกล่าวทา ให้ไพลินเกือบถูกย้ายออกจากหมู่บ้าน แต่นายดา กับเพื่อนๆเกิดเอะใจเสียก่อน จึงแอบขโมยศพของคนไข้ให้มะลิกับครูสันตินาไปชัณสูตรถึงที่โรงพยาบาลในตัวเมือง จนพิสูจน์ได้ว่าคนไข้ไม่ได้ตายเพราะน้า มือหมอไพลิน กิมลั้งที่หลงชอบนายดา อยู่เริ่มไม่พอใจที่นายดา ปกป้องหมอไพลิน จึงหาทางกลั่นแกล้งใส่ร้ายต่างๆนานา หมอไพลินเลยแก้เผ็ดด้วยการแสร้งทา เป็นอ่อยนายดา ซะเลย ทำให้กิมลั้งหึงหวงจนเลือดขึ้นหน้า ขณะที่นายดา ก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวไปกับเสน่ห์ของไพลิน กิมลั้งเลยร่วมมือกับโตมรลูกน้องคนสนิทของเสี่ยอำนาจให้ฉุดไพลินมาข่มขืน แต่โชคดีที่นายดา ก็ตามไปช่วยไว้ได้อีก รักจังเอย บทประพันธ์จดลิขสิทธิ์ กรุณาทาลายเอกสารหลังเลิกใช้งาน 3

นับจากนั้นเป็นต้นมาไพลินกับนายดา ก็เริ่มรู้สึกดีๆต่อกันมากขึ้น แม้ทั้งคู่จะชอบแขวะใส่กันเวลาอยู่ต่อหน้า ทว่าลับหลังนั้นไอ้จืดไอ้จ้อยก็สังเกตเห็นว่าทั้งคู่มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป อาทิเช่นนายดา ยอมโกนหนวด อ่านหนังสือวรรณกรรม และใช้น้า หอม ขณะที่หมอไพลินก็หัดนุ่งผ้าซิ่น ทา กับข้าว และฟังเพลงลูกทุ่งอย่างมีความสุข ความผูกพันที่ไพลินกับนายดา มีต่อกันทา ให้ชุมชนท่าสา เริงยิ่งแข็งแกร่ง สาธารณสุขของท่าสา เริงก็เริ่มเข้ารูปเข้ารอยไม่ขาดแคลนหยูกยาเหมือนดังแต่ก่อน ชาวบ้านอยู่ดีกินดีจึงไม่คิดขายที่เพื่ออพยพไปอยู่ที่อื่นอีกต่อไป ทว่าเสี่ยอา นาจกลับต้องสูญเสียผลประโยชน์ เพราะเบื้องหลังการกว้านซื้อที่ดินของมันมีนักธุรกิจต่างชาติหนุนหลังอยู่เนื่องจากสืบทราบว่ามีบ่อน้า มันดิบจำนวนมหาศาลอยู่ใต้ธรณีของบ้านท่าสา เริง ด้วยเหตุนี้เสี่ยอำนาจจึงต้องงัดไม้ตายมาใช้ ด้วยทวงหนี้จากพวกชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เคยกู้เงินจากเสี่ยอำนาจมาแล้วทั้งสิ้น นายดา กับไพลินไม่ต้องการให้ชาวบ้านขายที่ จึงหาวิธีปลดหนี้ให้พวกชาวบ้าน ด้วยการจัดทา วงกลองยาวเฉพาะกิจส่งเข้าไปประกวดในอำเภอ จนได้รางวัลที่หนึ่งกลับมา ด้วยความแค้นเสี่ยอำนาจจึงส่งมือปืนไปเก็บทั้งคู่ระหว่างเดินทางกลับหมู่บ้าน ทา ให้ทั้งคู่ต้องหลบหนีไปกบดานด้วยกัน จนส่งผลให้ความสัมพันธ์ยิ่งใกล้ชิดสนิทแนบกันเข้าไปอีก เมื่อเสี่ยอำนาจเห็นว่าแผนของตนไม่ได้ผล ก็จึงสร้างสถานการณ์ขึ้นอีกครั้งด้วยการให้โตมรลูกน้องคนสนิทกับพวกปลอมตัวเป็นโจรไปคอยปล้นชาวบ้าน หวังจะให้ชาวบ้านหวาดกลัวจนย้ายถิ่นฐานออกไป แต่นายดา กับหมอไพลินและพวกชาวบ้านก็หาวิธีให้รับมือกับพวกโจร ด้วยความสามัคคีผสมภูมิปัญญาท้องถิ่น ทา ให้พวกโจรเก๊ของเสี่ยอำนาจต้องพ่ายแพ้กลับไป ผลจากการต่อสู้กับพวกโจรนอกจากจะทา ให้ชาวบ้านสามัคคีกันมากขึ้นแล้ว ยังทา ให้มะลิกับครูสันติได้กลายเป็นคู่รักกันอีกด้วย หลังจากที่ครูสันติได้ช่วยชีวิตมะลิเอาไว้ เสี่ยอำนาจเจ็บใจมากที่ตกเป็นฝ่ายแพ้นายดา จึงอาศัยกิมลั้งให้ช่วยสร้างสถานการณ์อีกครั้ง โดยยักยอกเงินจากสหกรณ์ของชาวบ้านที่หมอไพลินดูแลอยู่เพื่อหลอกให้ทุกคนเข้าใจว่าที่หมอไพลินช่วยเหลือชาวบ้านมาตลอดนั้นก็เพราะหวังฮุบเงินเสียเอง ชาวบ้านจึงกดดันนายดา ให้ขับไล่หมอไพลินออกจากพื้นที่ ประกอบกับทิวาที่ทราบข่าวได้เดินทางมาเยี่ยมหมอไพลิน กิมลั้งจึงเป่าหูนายดา ให้หึงหวงไพลินจนเกิดการวิวาท

ไพลินตัดสินใจย้ายออกจากบ้านท่าสา เริงเพื่อยุติปัญหา ในเวลานั้นทิวาได้เลิกรากับหมอขวัญตาเป็นที่เรียบร้อย เพราะรำคาญที่ขวัญตาเอาแต่ตามจิกเขาจนไม่เป็นอันทา งาน ดังนั้นทิวาจึงหวนกลับมาหาไพลินเพื่อขอให้เธอมาปลูกต้นรักกับเขาอีกครั้ง แต่เวลานั้นไพลินเปลี่ยนไปแล้ว รักจังเอย บทประพันธ์จดลิขสิทธิ์ กรุณาทาลายเอกสารหลังเลิกใช้งาน 4

เธอไม่ใช่เด็กสาวที่เคยคลั่งไคล้ทิวาหรือหลงไหลแฟชั่นอีกต่อไป เธอกลายเป็นหมอธรรมดาคนนึง ที่สนใจในทุกข์สุขของคนไข้ และใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไพลินปฏิเสธรักจากทิวาอย่างไร้เยื่อใย ไม่ใช่เพราะต้องการแก้แค้น แต่เพราะเธอได้ตระหนักแล้วว่าที่ผ่านมาเธอรักทิวาก็เพราะเขาหล่อ รวยเท่านั้น ผิดกับที่เธอรักนายดา เพราะเขามีแต่ความสัตย์ซื่อและห่วงใยผู้อื่นเสมอ ทางด้านท่าสา เริง…นายดา ก็ใช้ชีวิตอย่างคนซังกะตาย แม้คนในหมู่บ้านจะเริ่มตาสว่างว่าหมอไพลินถูกใส่ร้าย จึงเกลี้ยกล่อมให้เขาไปง้อหมอไพลินถึงกรุงเทพฯ แต่นายดา ก็ยังอิดออดไม่ยอมไปง่ายๆ เพราะคิดว่าตนทา ผิดต่อไพลินไปมากจนยากที่อีกฝ่ายจะให้อภัย เสี่ยอำนาจฉวยโอกาสนั้นส่งคนไปเผาสถานีอนามัยบ้านท่าสา เริงเสีย เพื่อปิดทางไม่ให้ไพลินกลับมาได้อีก เปลวไฟอันบ้าคลั่งกระตุ้นให้นายดา มีสติขึ้นมาอีกครั้ง และบุกเข้าไปช่วยชาวบ้านดับไฟ รวมทั้งจับโตมรมือวางเพลิงได้สำเร็จ แต่คาดไม่ถึงว่าขื่อไม้อันเขื่องจะร่วงมาทับที่ศรีษะของเขาพอดี !! หลังจากเหตุการณ์นั้นเสี่ยอำนาจก็ถูกตำรวจจับ เพราะถูกโตมรให้การซักทอดว่าเป็นคนจ้างวาน ส่วนนายดา ก็ถูกครูสันติส่งตัวไปรักษาที่อำเภอ ปรากฏว่าเส้นสมองที่ถูกกระเทือนทา ให้นายดา สูญเสียความทรงจา ไปจนหมด หมอไพลินรีบเดินทางมาดูอาการของนายดา ทันทีที่ทราบข่าว เธอพยายามทา ทุกวิถีทางเพื่อให้ความจา ของนายดา กลับมา แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายเธอจึงพาเขาไปยังศาลเพียงตาของเจ้าพ่อ ที่ที่เธอเคยแกล้งทา เป็นถูกผีเข้า ที่ที่เขาเคยบอกรักและสาบานว่าจะสามีที่ดีของเธอในอนาคต ที่นั่น.....หมอสาวผู้ล้า สมัยผู้ไม่เคยเชื่อถือในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ก้มลงกราบอธิษฐานและสาบานตัวว่าจะเป็นเมียของนายดา ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แม้ว่าเขาจะไม่หายจากโรคเอ๋อก็ตาม....และแล้วปาฏิหาริย์ก็บังเกิดขึ้น เมื่อนายดา เรียกชื่อหมอไพลินออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ สองปีต่อมา....บ้านท่าสา เริงได้รับรางวัลจากภาครัฐยกย่องให้เป็นชุมชนดีเด่นแห่งปี นายดา ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นกำนัน และภารกิจแรกของเขาก็คือนา ชาวบ้าน ท่าสา เริงกว่าร้อยชีวิต ยกขบวนขันหมากไปสู่ขอไพลินถึงที่กรุงเทพฯ และแน่นอนว่าคณะกลองยาวต้องเร้าใจ ตามสไตล์ท่าสาเริง

จบบริบูรณ์