1) การเข้าร่วมเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐนั้น ร้านค้าต้องไม่จำหน่ายสินค้าในราคาที่เกินกว่าราคาจำหน่ายปลีกที่กำหนดไว้ ในกรณีที่ร้านค้าได้จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้านค้าต้องแสดงใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) ณ สถานประกอบการในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่าย และหากร้านค้ายังมิได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มในราคาสินค้า ร้านค้าสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มเติมจากราคาสินค้าที่ยังมิได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในอัตราร้อยละ 7 โดยต้องขายสินค้าในราคาเดียวกันแก่ผู้ซื้อทุกราย รวมถึงมีหน้าที่ในการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ด้วยการนำภาษีขายที่ตนได้เรียกเก็บ หักภาษีซื้อจากการซื้อสินค้า และนำส่งส่วนต่างให้แก่กรมสรรพากร ดังนั้น ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจึงสามารถขอคืนภาษีซื้อจากกรมสรรพากรได้ จึงมิได้เป็นการเพิ่มต้นทุนแต่อย่างใด
2) นอกจากนี้ กรณีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐบางแห่งเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมเฉพาะการซื้อจากการใช้บัตรประชารัฐ (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) โดยอ้างว่าเป็นการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง และอาจไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การเข้าร่วมเป็นร้านธงฟ้าประชารัฐ
3) ที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ดังนั้น การติดตั้งเครื่อง EDC เพื่อรับชำระค่าสินค้าในร้านธงฟ้าประชารัฐ จึงมิได้เป็นการเพิ่มต้นทุนให้แก่ร้านค้า และหากมีการดำเนินการผิดหลักเกณฑ์ตามประกาศกรมการค้าภายในและกรมการค้าภายในเพิกถอนการเป็นร้านธงฟ้าประชารัฐ กรมบัญชีกลางจะเรียกคืนเครื่อง EDC ทันที และจะไม่ให้วางเครื่อง EDC อีกต่อไป
รองโฆษกกระทรวงการคลัง เน้นย้ำว่า "ร้านค้าที่จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถนำภาษีขายที่ตนได้เรียกเก็บ มาหักภาษีซื้อจากการซื้อสินค้าได้ ประกอบกับกรมบัญชีกลางสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่อง EDC จึงไม่ได้เป็นการเพิ่มต้นทุนให้แก่ร้านค้า" ทั้งนี้ หากประชาชนหรือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพบเห็นร้านธงฟ้าประชารัฐฉวยโอกาส หรือเอาเปรียบประชาชนให้ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ ขอให้แจ้งเบาะแสชื่อร้านค้าและที่ตั้งร้านค้าได้ที่กรมสรรพากร สำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศ และสายด่วน 1569 กรมการค้าภายในหรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2273 9020