บทสัมภาษณ์พิเศษ รศ.นพ.ป่วน สุทธิพินิจธรรม นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ประจำปี 2561-2563

02 May 2018
รศ.นพ. ป่วน สุทธิพินิจธรรม เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคผิวหนัง ฝึกอบรมเพิ่มเติมด้านอิมมูนวิทยาผิวหนังที่ University of Chicago สหรัฐอเมริกา วุฒิบัตร สาขาอายุรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2523 ; วุฒิบัตร สาขาตจวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2526 อาจารย์เคยเป็นอาจารย์สอนที่ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล นอกจากนี้ ท่านยังเคยดำรงตำแหน่งคณบดีคณะแพทยศาสตร์ ที่ วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปัจจุบันท่านเข้ารับตำแหน่ง นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ประจำปี 2561-2563
บทสัมภาษณ์พิเศษ รศ.นพ.ป่วน สุทธิพินิจธรรม นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ประจำปี 2561-2563

1. ท่านนายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย มองภาพรวมการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานวงการแพทย์ผิวหนังของไทย อย่างไรบ้าง และจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาในส่วนใดบ้าง

อย่างที่ทราบว่าแพทย์ คือผู้ที่ดูแลสุขภาพของประชาชน ส่วนแพทย์ผิวหนังนั้นถือเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านผิวหนังมากกว่าในด้านอื่น ๆ โดยหลักการก็คือ แพทย์ผิวหนังที่ได้ผลิตออกมา จะมีความรู้ที่เป็นพื้นฐานของแพทย์ทั่วไปในระดับหนึ่ง และก็มีความรู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังเป็นพิเศษ ที่จะให้คำแนะนำ การดูแลรักษาหรือสร้างเสริมสุขภาพผิวหนังให้กับประชาชนที่ถูกต้องด้วย เพราะปัจจุบันทางด้านเทคโนโลยีต่างๆได้พัฒนาไปรวดเร็วมาก บางครั้งเทคโนโลยีต่าง ๆ ยังต้องการเวลาที่จะพิสูจน์ถึงความมีประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนั้นที่จะทำให้คนมีสุขภาพดีทางด้านผิวหนัง ดีกว่าที่เราจะรีบด่วนไปใช้แล้ว ต่อมาพบว่ามีปัญหาหรือพบผลข้างเคียง หรือต่อมาพบว่ามีผลร้ายในระยะยาว ตัวอย่าง เช่น การเสริมความงามต่าง ๆ จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีการเสริมพวกฟิลเลอร์ ใส่พวกโลหะไหมทองต่าง ๆ ที่ต้องการให้ผิวหนังนั้นตึง ซึ่งตรงนี้ผลระยะยาวยังไม่แน่ใจว่าจะมีผลดีต่อผิวหนังมากน้อยแค่ไหน จึงขอฝากเตือนประชาชนหรือแพทย์ผิวหนังที่จบใหม่ ๆ ว่าเทคโนโลยีที่ยังไม่ทราบผลในระยะยาว เมื่อติดตามไปแล้วเกิดผลเสีย ผลเสียที่แก้ไขไม่ได้เหล่านี้ จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังและรอบคอบ เป็นพิเศษ ก่อนที่จะใช้หรือชักชวนให้ประชาชนทำควรศึกษาให้ละเอียด โดยเฉพาะพวกเลเซอร์มีเยอะแยะมากมาย แต่มันไม่ได้ไปช่วยแก้ปัญหาที่พื้นฐานของธรรมชาติของผิวหนัง เช่น การต้านความชะลอวัย (Anti Aging) หรือการต้านความแก่ และความเสื่อมจะเกิดขึ้นด้วยเหตุและปัจจัยต่าง ๆ การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ นี้ จะให้ผลดีในระยะเริ่มต้น แต่ในระยะยาวยังไม่ทราบว่าจะมีผลอย่างไร ก็อยากเตือนว่าอย่าเพิ่งรีบด่วนชักชวนให้ประชาชนใช้มาก ซึ่งอาจส่งผลเสียที่มันแก้ไขไม่ได้

2.บทบาทหน้าที่ของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย

สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยมีบทบาทหน้าที่ส่งเสริมให้สมาชิกหาความรู้และวิจัยถึงปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้มีการศึกษาให้แน่ชัดก่อน ไม่ส่งเสริมให้รีบนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไปใช้ ให้การส่งเสริมสนับสนุนงานวิจัย และติดตามผลในระยะยาว เมื่อได้ผลจริงแล้ว จึงพร้อมออกมาให้ความรู้กับประชาชน หากสิ่งไหนที่ยังไม่ชัดเจน เราก็ต้องพูดว่ายังไม่รู้แน่ชัด จะใช้ต้องมีการระมัดระวังในการใช้ หากไปใช้แล้วก็ต้องซื้อความเสี่ยงเอง เดี๋ยวจะมาโทษว่า ทำไมฉีดแล้วทำไมในระยะยาวถึงไม่ดี อันนี้ก็เป็นปัญหาในทุก ๆ แห่งทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในไทย ต่างประเทศก็พบ ที่เรียกไฮเปอเซนซิทีฟสกิน ที่มีการขัดผิวลอกหน้า ทายาต่าง ๆ ที่เป็นกรด ทำให้เกิดการระคายคันยิบ ๆ บริเวณใบหน้าตลอดเวลา แก้ไขยากมากเพราะผิวโดนทำลาย ธรรมชาติถูกทำลาย อย่างปกติ น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนเลย เพราะผิวหนังของคนเราเราใช้กรดลอกหน้าต่าง ๆนานา ๆ ก็จะเกิดปัญหาระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้เกิดคันยิบ ๆ และออกแดดไม่ค่อยได้ หรืออยู่ในที่แจ้งก็มีปัญหา ถูกฝุ่นก็จะคัน จึงขอฝากเตือนว่า อย่าดูโฆษณามาก เพราะโฆษณามันเกินจริง หรือดีเฉพาะในระยะเริ่มแรกเท่านั้น ประชาชนหรือผู้บริโภคควรดูผลในระยะยาวด้วย

3.ปัจจุบันมีเครื่องสำอางปลอมที่ไม่ได้คุณภาพ สมาคมแพทย์ผิวหนังฯอยากเตือนคนไทยอย่างไรบ้าง

ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของผิวหนัง ก็จะรู้ว่าธรรมชาติรักษาตัวเองอยู่เสมอ ผิวหนังก็มีเหมือนกัน มีการซ่อมแซมตัวเองอยู่เสมอ และมีกระบวณการที่ซับซ้อน ซึ่งต้องให้เวลาเพราะบางครั้งการใช้เครื่องสำอาง หรือยาเสริมสวยต่างๆ ก็อาจจะดีได้ในระยะเริ่มต้น เมื่อติดตามในระยะยาวก็อาจจะเกิดผลเสีย ทีนี้โดยทั่วไปเครื่องสำอางที่เราใช้ มี 2 อย่าง ได้แก่ 1.เดกเคอเรทีฟ คอสเมติก คือชนิดที่เติมแต่งสีสันต่างๆให้กับผิวหนัง ตรงนี้ไม่มีปัญหาใช้ได้ ระมัดระวังเรื่องการแพ้เท่านั้นเอง อีกพวกนึงเป็นพวกบำรุงผิวต่าง ๆ ซึ่งบำรุงได้บางส่วน เพราะผิวหนังของเรานี่จะนำเลือดมาเลี้ยงจำนวนมหาศาล ซึ่งเรารับประทานอาหารถูกส่วนเหมาะสม ออกกำลังกายดี มีจิตใจงดงาม มีความสุข ผิวหนังของเรานี่ก็จะดีในระยะยาวได้ดีกว่าการใช้เครื่องสำอาง หรือแสงเลเซอร์ต่างๆมาฉาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะกระตุ้นเซลล์ผิวหนังในระยะสั้น แต่ถ้ากระตุ้นมาก ๆ ความเสื่อมก็จะเกิดขึ้นและจะเกิดผิวหนังภูมิแพ้ต่างๆ เรียกว่า ไฮเปอร์เซ็นส์ซิทีฟสกิน ในระยะยาว ซึ่งแก้ไขได้ยากมาก จะไปพบบ่อย ๆในคนที่ผ่านการยิงเลเซอร์หรือฉายแสง ฉายรังสี ฉีดฟิลเลอร์ทุกเดือน แต่ในระยะยาว ๆ ผิวจะมีอาการคัน และแก้ไขไม่ได้ เพราะร่างกายมันเสื่อมจากการที่เราใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ มากไป

สำหรับเครื่องสำอางที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา หรืออย. บางครั้งเมื่อได้รับการรับรอง คร้งที่ 1 แต่เมื่อมีการติดตามผลไปเรื่อย ๆ และมีการติดตามผลไปนาน ๆ คุณภาพของเครื่องสำอางนั้นๆ มันจะตกลงไป เมื่อไม่มีการติดตามในระยะยาว ผลเสียก็จะเกิดกับประชาชนผู้บริโภค จึงขอฝากเตือนว่าให้ธรรมชาติ รักษาตัวเองมันดีที่สุด แล้วจะให้เครื่องสำอางหรือเทคโนโลยีมาช่วยในบางครั้งก็จะช่วย หรือป้องกัน ก็จะเห็นว่ามียาบำรุงหรือวิตตามินต่าง ๆ ออกมาอย่างมากมาย แต่โดยความจริงแล้วมันเกินจำเป็น เพราะเลือดของเรามันมาเลี้ยงผิวหนังมหาศาล จำนวนที่เราจะใช้มันเกิน และสิ่งที่เราใช้มันสังเคราะห์ขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่ร่างกายสร้างเอง ยกตัวอย่างเช่น พวกคอลลาเจน ซึ่งในร่างกายของเรามีระบบคอยควบคุมให้เกิดความสมดุล ซึ่งเราเอาข้างนอกมาใส่ มันเกินสมดุล ซึ่งในระยะยาว ๆ ก็อาจจะมีปัญหาได้ อย่าง สารไฮยาลรอนิกเอสิด ก็เหมือนกัน ที่มีอยู่ในผิวหนังของเรา อยู่แล้ว โดยมีร่างกายคอยสร้างความสมดุล แต่เมื่อเราฉีดเพิ่มเติมเข้าไป มันก็อาจจะทำให้ดูตึงระยะแรก ๆ แต่ในระยะยาว ๆ ก็อาจจะเกิดปัญหาเรื่องแพ้ได้ ต้องให้มันพอเหมาะ ซึ่งปกติร่างกายจะรักษาสมดุลแบบนี้อยู่เสมอ

4. แพทย์ผิวหนังในปัจจุบัน จำเป็นจะต้องได้รับการพัฒนาในด้านใดบ้าง เช่น ด้านปฏิบัติการเทคนิคการรักษาผู้ป่วยด้านพฤติกรรมและคุณธรรม จรรยาบรรณแพทย์ อย่างไรสำหรับเรื่องจรรยาบรรณเราปลูกฝังมาตั้งแต่นักศึกษาแพทย์ ให้นึกถึงประโยชน์ต่อผู้ป่วยเป็นใหญ่ เป็นเบื้องต้น สิ่งเหล่านี้เป็นคำสอนของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ซึ่งถือประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นอันดับหนึ่ง โดยปลูกฝังตั้งแต่นักศึกษาแพทย์ แล้วพอจบออกมาเป็นแพทย์ผิวหนังก็เช่นกัน แล้วก็พยายามปลูกฝัง โดยทั่วไป สมาคมแพทย์ผิวหนัง โรงเรียนแพทย์ต่างๆ ก็พยายามปลูกฝังให้ทุกคนป็นคนดี คิดถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่อย่ามองทรัพย์สินเงินตราเป็นตัวสำคัญ แล้วในระยะยาว ผลที่ทำดีมากน้อยแค่ไหนและให้ความรู้แก่ประชาชน ให้ประชาชนเป็นคนเลือก ต้องบอกข้อดี ข้อเสีย ในระยะสั้น ในระยะยาว ยกตัวอย่างให้ดู ให้ประชาชนเป็นคนเลือก ต้องบอกราคาและคิดราคาที่เหมาะสม อย่าคิดแต่จะเอาสตางค์อย่างเดียว นี่ก็เป็นข้อคิดที่อยากฝากประชาชน เพราะความรู้ปัจจุบันนั้นมันเท่าทันไปเกือบหมด เพียงแต่ผู้เป็นแพทย์และผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น

5. ผู้ที่สนใจใส่ใจกับเรื่องของผิวพรรณและความงาม จะมีวิธีการเลือกรักษากับแพทย์เฉพาะทางให้ถูกต้องและปลอดภัยอย่างไรบ้าง

สมาคมแพทย์ผิวหนังฯได้ ดำเนินรอยตามสมเด็จพระราชบิดา พระราชบรมชนก ว่าให้ถือประโยชน์ของผู้คน ประชาชนผู้อื่นเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนประโยชน์ที่จะตามมา จะได้เป็นสิ่งรองลงมา แล้วเราจะมีความสุข เมื่อผู้อื่นมีความสุข มีความสวยงาม เราก็จะไม่มีความทุกข์ในระยะยาวชื่อเสียงก็จะปรากฏแก่ตัวเอง เพราะว่าการที่อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าในทั้งข้อดีข้อเสีย แล้วสุดท้ายผู้ป่วยรักษาหรือไม่ขึ้นอยู่กับ ผู้ป่วยร่วมตัดสินใจด้วย ไม่ใช่เราชวนให้มารักษา หรือทำคอร์สเก็บเงินล่วงหน้า ซึ่งผมเห็นว่าการเก็บเงินล่วงหน้าไม่ใช่คอร์สของแพทย์ ผมเห็นว่ายังไงก็ต้องทำให้ประชาชนได้มีความสุข ทำยังไงให้ได้รู้จักดูแลตัวเองได้ มาพึ่งหมอน้อย ๆ ดูแลตัวเองมาก ๆ แพทย์ก็แนะนำให้ดูแลรักษาตนเอง ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ดูแลรักษาผิวพรรณณ ดูแลไม่ให้ผิวไปกระทบกับสารหรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เช่น แสงแดด สารพิษต่าง ๆ รักษาธรรมชาติ เพราะธรรมชาติดี ผิวเราก็จะดีตามไปด้วย

HTML::image( HTML::image( HTML::image(