นายวรพจน์ สุรัตวิศิษฏ์ รองกรรมการผู้จัดการ บีเคพี กล่าวว่า บริษัทฯ ยังร่วมมือกับภาครัฐและเกษตรกร เดินหน้าพัฒนาศักยภาพเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น ภายใต้ "โครงการเกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน" พร้อมทั้งสนับสนุนเกษตรแปลงใหญ่ "บัลลังก์โมเดล" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดมีรายได้เพิ่มขึ้น ขยายผลสำเร็จจากการดำเนินโครงการฯ มาตั้งแต่ปี 2557 สามารถช่วยส่งเสริมเกษตรกร 7,700 ราย มีความรู้ในการปลูกถูกต้องตามมาตรฐานสินค้าเกษตร มีผลผลิตสูงขึ้น ครอบคลุมพื้นที่ปลูกข้าวโพดที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง 195,000 ไร่ ใน 23 จังหวัด ในปีนี้จัดอบรมเกษตรกรเพิ่มอีก 700 คนในพื้นที่ 9 จังหวัด รวมพื้นที่ปลูก 22,000 ไร่ เตรียมความพร้อมในฤดูกาลเพาะปลูกในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
"เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ และนำความรู้ไปปรับใช้ สามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่โดยเฉลี่ยสูงขึ้นร้อยละ 47 และต้นทุนการปลูกลดลงถึงร้อยละ 23 ซึ่งการขยายผลสู่เกษตรกรมากขึ้นจะช่วยสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้ปลูก และสิ่งแวดล้อมต่อไป" นายวรพจน์กล่าว
ในปีที่ 3 บีเคพี ร่วมกับหน่วยงานราชการในท้องถิ่น คู่ค้าธุรกิจ และเกษตรกรเครือข่าย จัดอบรมเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ใน 9 จังหวัด ได้แก่ พะเยา ลำปาง อุตรดิตถ์ เลย พิษณุโลก ชัยภูมิ นครราชสีมา ให้มีความรู้ในการเพาะปลูกอย่างถูกวิธี ตามมาตรฐานสินค้าเกษตร (Thai Agriculture Standard) และ Good Agriculture Practices for Maize (GAP) บนพื้นฐานตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงพื้นที่ปลูกยืนยันว่าไม่ได้มาจากการบุกรุกป่าได้ 100% รองรับตามแนวทางการจัดหาอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ
จากการอบรม เกษตรกรสามารถวิเคราะห์คุณสมบัติและแร่ธาตุในดินด้วยอุปกรณ์ตรวจสอบอย่างง่าย เพื่อนำปรับสูตรปุ๋ยให้เหมาะสมตามความต้องการของพืชและดิน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้ปุ๋ยอย่างสิ้นเปลือง รวมทั้งเรียนรู้การเตรียมแปลงปลูกที่ถูกต้อง ช่วยให้ดินเก็บกักน้ำได้ดี ทำให้รากของพืชกระจายตัวในดิน และดูดซึมอาหารและทนแล้งมากขึ้น สามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ลดต้นทุนการผลิต และคุณภาพข้าวโพดตรงตามความต้องการตลาด ช่วยให้จำหน่ายได้ในราคาที่ดี
บีเคพี ยังร่วมกับเทศบาลตำบลบัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ดำเนินโครงการในรูปแบบ "บัลลังก์โมเดล" สนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มเพื่อมุ่งสู่เกษตรแปลงใหญ่ นำไปสู่ต้นแบบการรวมกลุ่มเกษตรกรผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เข้มแข็ง และยั่งยืน โดยในปีที่ผ่านมา เกษตรกร 450 คนได้รับการส่งเสริมการบริหารตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การบริหารการปลูกและการเก็บเกี่ยวอย่างเป็นระบบ ตลอดจนสนับสนุนให้เกษตรกรที่เข้าร่วมจำหน่ายผลผลิตเข้าโรงงานอาหารสัตว์โดยตรง ซึ่งช่วยให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 745 กิโลกรัมต่อไร่ เป็น 1,096 กิโลกรัมต่อไร่ มีต้นทุนต่อไร่ลดลงประมาณ 4.50 บาท เกษตรกรได้กำไรจากการขายในฤดูกาลปลูกที่ผ่านมาเฉลี่ย 3,600 บาทต่อไร่
ขณะเดียวกัน บีเคพี ยังได้ทำแปลงสาธิตแก่เกษตรกร โดยนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้ เทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ เช่น รถไถระเบิดดินดาน การปรับระดับหน้าดิน การใช้เครื่องปลูกแม่นยำสูง มีผลผลิตได้มาตรฐานสามารถแข่งขันได้ เพื่อนำแนวทางการปลูกจากแปลงสาธิตไปส่งเสริมแก่เกษตรกรที่สนใจต่อไป
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit