แคมป์เยาวชนสานรัก คนเก่งหัวใจแกร่ง เป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคมในโครงการ "สานรัก คนเก่งหัวใจแกร่ง" ที่พร้อมเป็นแรงขับเคลื่อนให้เยาวชนคนเก่งฯ เปี่ยมล้นไปด้วยแรงบันดาลใจสู่การใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ผ่านโลกการเรียนรู้นอกห้องเรียน โดยเอไอเอสได้คัดเลือกเยาวชนคนเก่งฯ น้องใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมโครงการสานรักฯ ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน จำนวนทั้งสิ้น 60 คน ซึ่งเป็นเยาวชนในครอบครัวที่ขาดโอกาสทางสังคม แต่เป็นเยาวชนที่มีความประพฤติดี ขยัน กตัญญู ทำงานช่วยเหลือครอบครัวและมีความใฝ่รู้ ตั้งใจเรียนหนังสือ
อมรรัตน์ ชาญปรีชญา หัวหน้างานประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์องค์กร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส เผยว่า "เอไอเอส ในฐานะองค์กรที่มอบโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนไทยมาอย่างต่อเนื่อง มองเห็นว่านอกจากการสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับน้องๆ ได้เรียนจนจบระดับปริญญาตรีแล้ว การสร้างเสริมประสบการณ์นอกห้องเรียนก็มีส่วนสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มความรู้และพัฒนาทักษะชีวิตให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นเพราะเราเชื่อว่า การให้โอกาส คือ การให้อนาคตสำหรับในช่วงปิดภาคเรียน เอไอเอส โดยโครงการ "สานรัก คนเก่งหัวใจแกร่ง" ได้จัดกิจกรรม แคมป์เยาวชนสานรัก คนเก่งหัวใจแกร่ง เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กคนเก่งฯ น้องใหม่ที่เพิ่งเข้าโครงการได้มาร่วมใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในครั้งนี้ เราได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของโลกในยุคดิจิทัล ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เด็กๆ ควรรู้เท่าทันและรู้จักนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์พร้อมที่จะต่อยอดไปสู่การประกอบอาชีพในอนาคตได้อีกด้วย"
ตลอดระยะเวลา 3 คืน 4 วัน น้องๆ ทุกคน จะได้พัฒนาทักษะความรู้และสั่งสมประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายรูปแบบที่ให้ทั้งความรู้ ความสนุกสนาน และสร้างแรงบันดาลใจ โดยกิจกรรมในปีนี้ มุ่งเน้นให้น้องๆ ได้สัมผัสประสบการณ์เทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน เพื่อรู้เท่าทันและสามารถใช้งานได้เกิดประโยชน์สูงสุด เริ่มด้วยการฟังบรรยาย "ธรรมะยุคดิจิทัล" จาก พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ที่นำหลักธรรมทางพุทธศาสนามาสอดแทรกเป็นคำสอนให้แง่คิด เพื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ต่อด้วยการเรียนรู้โลกดิจิทัลทุกแง่มุมจากกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของเอไอเอส ที่มาสอนให้รู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมชี้ให้เห็นถึงประโยชน์และโทษจากการใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อให้น้องๆ ก้าวทันและใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมเปิดโอกาสให้สัมผัสเทคโนโลยีต่างๆ ด้วยตัวเอง ทั้งเล่นเกม และชมภาพยนตร์ ผ่านเทคโนโลยี VR (Virtual Reality) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเสมือนจริงที่สมจริงที่สุดในโลกที่ AIS IMAX VR สยามพารากอน รวมทั้งได้เรียนรู้เทคโนโลยีแห่งยุคในหัวข้อ "NEW DIGITAL WORLD" ที่ AIS Innovation Center เพื่อเรียนรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในยุค 4.0 อาทิ เทคโนโลยี Cloud และ IoT มาพัฒนาให้เกิด Smart City และ Smart Home โดยอุปกรณ์ต่างๆ สามารถเชื่อมโยงกันด้วยอินเตอร์เน็ต ทำให้สามารถสั่งการและควบคุมการใช้งานผ่านโทรศัพท์ได้ พร้อมทดลองซื้อสินค้าผ่าน Rabbit Line Pay ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์ม e-Money จ่ายเงินผ่านโทรศัพท์ที่ง่ายและสะดวก
ต่อจากนั้น ถึงเวลาที่น้องๆ จะได้เปิดโลกทัศน์ สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในสถานที่ต่างๆ อาทิ การได้เดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟฟ้า BTS สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่น้องๆ ที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสมาก่อน, ได้เรียนรู้วิถีชีวิตสัตว์โลกใต้น้ำนานาชนิดที่ซีไลฟ์ แบงคอก โอเชี่ยน เวิลด์ สยามพารากอน, เติมเต็มรอยยิ้มด้วยกิจกรรมสันทนาการ เล่นสวนน้ำอย่างสนุกสนานที่รามายณะ พัทยา สวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ฯลฯ ทุกกิจกรรมล้วนสร้างความสุขแก่น้องๆ เป็นอย่างมาก
ภายในแคมป์ฯ ยังมีกิจกรรม คนเก่งฯ My idol..โดยรุ่นพี่จากโครงการ "สานรัก คนเก่งหัวใจแกร่ง" ที่จบการศึกษาแล้วมาบอกเล่าถึงประสบการณ์ชีวิตช่วยเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ ได้อย่างน่าประทับใจ
ดร.เนตรนภา ชะนะ อาจารย์สาขาวิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ รุ่นพี่จากโครงการสานรักฯ เล่าว่า "ช่วงที่พีคสุดของชีวิตคือ กำลังจะออกไปช่วยแม่ขายผักที่ตลาดเหมือนทุกวัน แต่วันนั้นฝนตกหนัก ทำให้รถประจำทางไม่สามารถเข้ามาในหมู่บ้านได้ จึงต้องเดินเท้า ระยะทางไกลหลายกิโลเมตร แล้วสภาพถนนเต็มไปด้วยโคลน ผนวกกับของที่ถืออยู่ก็หนักมากๆ ทำให้ล้าจนแทบไปต่อไม่ไหว แม่หันมาถามเราว่า ไหวไหม เดินต่อได้ไหม ประโยคนี้ทำให้เราฮึดสู้ต่อ เพราะแม่เหนื่อยกว่าเรามาก แต่แม่ยังสู้และห่วงเรา ตอนนั้นค่าใช้จ่ายในบ้านก็สูง จนเกือบต้องหยุดเรียน แต่โชคดีที่มีอาจารย์คอยช่วยเหลือมาตลอด ทำให้ได้เข้าโครงการสานรักฯ เราจึงตั้งใจอย่างเต็มที่ทำให้คว้าปริญญาตรี และเพียรพยายามจนจบการศึกษาระดับปริญญาเอกได้สำเร็จปัจจุบันได้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ เป้าหมายเดียวต่อจากนี้คือ อยากมอบโอกาส ให้ความรู้ และสอนทักษะการใช้ชีวิตแก่เด็กๆ เหมือนที่เราเคยได้รับ"
ด้าน เด็กหญิงธนัชชา เชอมือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านห้วยหญ้าไซ เผยความรู้สึกที่ได้เข้าร่วมแคมป์ในครั้งนี้ว่า "หนูเกิดมาพร้อมกับความยากจน ถ้าไม่มีโครงการสานรักฯ หนูคงไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ และไม่ได้มาเปิดโลกทัศน์ในครั้งนี้ หนูดีใจที่ได้มาเห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น ดีใจที่ได้ขึ้นรถไฟฟ้า ดีใจที่ได้ไปสวนน้ำ และพี่ๆ ก็ให้คำสอนให้แง่คิดต่างๆ เยอะมาก หนูจะตั้งใจเรียนและประสบความสำเร็จให้ได้ค่ะ"
ส่วน รัตนา ประสงค์น้ำใจ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เผยว่า "โครงการสานรักฯ ให้อะไรกับหนูเยอะมาก ทั้งมอบโอกาสทางการศึกษา ทั้งทำให้ได้รู้จักเพื่อนมากมาย ซึ่งระหว่างที่อยู่ในแคมป์นี้ เราก็มีการแลกไลน์และข้อมูลติดต่อกัน เผื่อในอนาคต มีอะไรจะได้ช่วยเหลือและให้คำปรึกษากัน รวมถึงเราอยากติดต่อกับเพื่อนๆ พี่ๆ ในโครงการอย่างสม่ำเสมอ เพราะวันหนึ่งเราก็อยากกลับมาเป็นรุ่นพี่ที่คอยดูแลรุ่นน้องรุ่นต่อไปให้ได้รับสิ่งดีๆ ประสบการณ์ดีๆ เหมือนที่เราได้รับในวันนี้ค่ะ" โลกการศึกษานอกห้องเรียนในครั้งนี้ นับเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มาเห็นของจริง ได้ลงมือปฏิบัติจริง และร่วมทำกิจกรรมเสริมสร้างทักษะชีวิต แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อนำความรู้และแรงบันดาลใจไปพัฒนาชีวิตให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit