ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า การสร้างนวัตกรรมเพื่อสังคมเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ และเป็นระบบที่ตอบโจทย์กิจกรรมของหลายภาคส่วนได้อย่างยั่งยืน ซึ่งในช่วง 1 - 2 ปีทีผ่านมานี้ NIA เริ่มให้ความสำคัญต่อประเด็นการพัฒนาแพลตฟอร์มและสาขาธุรกิจเพื่อสังคม (social business sectors) ซึ่งครอบคลุมทั้งการสร้างธุรกิจนวัตกรรม และการสร้างเครือข่ายนวัตกรรมเชิงสังคม โดยมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการให้ประโยชน์หรือสาธิตนำร่องผลิตภัณฑ์ หรือกระบวนการที่เพิ่มมูลค่า เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของชุมชน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความทั่วถึงและเท่าเทียมกันมากขึ้นทั้งนี้ NIA ได้มุ่งสนับสนุนนวัตกรรมเชิงสังคมใน 9 ด้าน ได้แก่ 1) การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 2) ความเชื่อมโยงระหว่าง อาหาร น้ำ และพลังงาน 3) ภาครัฐและการศึกษา 4) การเงิน การจ้างงาน และสวัสดิการสังคม 5) เกษตรกรรมยั่งยืน 6) ความเป็นเมือง 7) สุขภาพ 8) การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม และ 9) การจัดการภัยพิบัติ โดยมีกลไกการสนับสนุนที่พัฒนาขึ้นร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายในรูปแบบต่างๆ ภายใต้โปรแกรมหลัก 5 โปรแกรม เพื่อให้ครอบคลุมบริบทต่างๆ ของการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคม ได้แก่ โปรแกรมการสนับสนุนทุนโครงการ โปรแกรมการบ่มเพาะโดยหน่วยงานเครือข่าย โปรแกรมการขยายผลโครงการนวัตกรรม โปรแกรมการประกวดแผนธุรกิจนวัตกรรมเพื่อสังคม และโปรแกรมการประเมินผลลัพธ์ทางสังคมที่เหมาะกับโจทย์ทางสังคมทั้ง 9 ด้าน ซึ่งที่ผ่านมา NIA ได้พิจารณาอนุมัติสนับสนุนโครงการนวัตกรรมด้านสังคม จำนวนทั้งสิ้นกว่า 90 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนรวมกว่า 70 ล้านบาท และก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมเพื่อสังคมรวมทั้งสิ้นกว่า 580 ล้านบาท
และเพื่อให้ยุทธศาสตร์ดังกล่าว ได้รับการพัฒนาในระดับที่กว้างขึ้น ล่าสุด NIA จึงได้ร่วมกับ UNDP ซึ่งเป็นเป็นผู้ชำนาญในระดับนานาชาติด้านความร่วมมือระดับประเทศกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจนวัตกรรมเพื่อสังคมร่วมกัน ภายใต้กรอบความร่วมมือในการลงนามครั้งนี้ เอ็นไอเอและยูเอ็นดีพีจะร่วมกันสนับสนุนความร่วมมือที่สำคัญ 3 ด้าน คือ
สำหรับกิจกรรมหลังจากที่มีการลงนามบันทึกความร่วมมือ ทั้งสองหน่วยงานจะเริ่มโครงการสนับสนุนนวัตกรรมเพื่อสังคมในระดับเยาวชน หรือ Youth Co:Lab โดยมีการส่งเสริมในหลากหลายด้าน เช่น การสร้างผลงานต้นแบบ การฝึกอบรม การจัดประกวดมอบรางวัล พร้อมด้วยการจัดกิจกรรมให้ความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานเครือข่ายของ UNDP ที่จะให้ความรู้เฉพาะด้านและคำปรึกษาในการพัฒนาศักยภาพทางนวัตกรรม การร่วมกันประเมินผลกระทบทางสังคม เพื่อพัฒนาไปสู่ขั้นตอนต่อไปให้ประสบความสำเร็จ ส่วนในอนาคตยังได้เตรียมพัฒนาฐานข้อมูลผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมเพื่อสังคมทั่วประเทศผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้หลากหลายผลงานเป็นที่รู้จัก และสะดวกต่อการค้นหาโซลูชั่นที่จะช่วยตอบโจทย์ปัญหาสังคม ดร.พันธุ์อาจ กล่าวสรุป
ด้าน นายมาร์ติน ฮาร์ท – ฮานเซน รองผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย กล่าวว่า "ยูเอ็นดีพีมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับเอ็นไอเอภายใต้เอ็มโอยูฉบับนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมทำงานเพื่อพัฒนาเครือข่ายนวัตกรรมเพื่อสังคมให้มีความแข็งแกร่งและส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมในการให้บริการสาธารณะให้ดียิ่งขึ้น"
สำหรับผู้ประกอบการ หรือผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-0175555 เว็บไซต์www.nia.or.th/socialinnovation หรือ facebook.com/niathailand รวมถึงทางแพลตฟอร์มนวัตกรรมเพื่อสังคมแห่งประเทศไทย องค์การพัฒนาแห่งประชาชาติ facebook.com/thailandsocialinnovationplatform
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit