รู้จัก Wallet เลือกใช้ยังไงดี

22 May 2018
ในโลกการเงินยุค "ดิจิตอล" ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการซื้อขาย จ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ปัจจุบันหลายคนคงคุ้นเคยกับ "Wallet" หรือ กระเป๋าเงินออนไลน์ กันแล้ว แถมบางคนก็ใช้บริการกันอยู่ด้วย แต่อาจยังไม่ได้ทำความรู้จักอย่างลึกซึ้งว่าคืออะไร มีหน้าที่บทบาทสำคัญอย่างไร วันนี้เลยอยากชักชวนมาเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับเจ้า "Wallet" กันอีกสักหน่อย โดยเฉพาะคนที่สนใจเรื่องของการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล หรือ คริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency)
รู้จัก Wallet เลือกใช้ยังไงดี

Wallet เปรียบเสมือนกระเป๋าเงินของเราอีกหนึ่งใบ ที่ทำหน้าที่เก็บเงินดิจิตอลต่างๆ ของเรา รวมไปถึงรับโอนเงิน หรือโอนเงินให้ผู้อื่นได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการทำธุรกรรมบนโลกออนไลน์เท่านั้น ที่จะทำให้คุณสะดวกสบาย ไม่ต้องพกกระเป๋าเงินอีกต่อไป

ใน Wallet จะประกอบไปด้วย

Public key หรือ Wallet address ที่ใครๆ ก็สามารถเห็นได้ เปรียบเสมือนเลขสมุดบัญชีของเรา

Private key หรือ รหัสผ่านในการทำธุรกรรมต่างๆ เป็นรหัสผ่านเพื่อเข้าถึงเงินดิจิตอลของเรา ซึ่งเป็นรหัสส่วนตัวที่เรารู้เพียงคนเดียวปัจจุบันมีผู้ให้บริการ Wallet อยู่มากมาย ซึ่งแต่ละแห่งก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ลูกค้าหรือนักลงทุนสกุลเงินดิจิตอล สามารถเลือกใช้บริการได้ตามความชอบ ตามสไตล์การลงทุนของตัวเองเราสามารถแบ่ง Wallet ออกเป็นประเภทหลักๆ ได้ดังนี้

Hot Wallet หรือ Online Wallet เป็นกระเป๋าเงินออนไลน์ ที่คุณสามารถเปิดบัญชีทำธุรกรรมผ่านเว็บไซต์ หรือ แอพพลิเคชั่นได้ทันที โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริมใดๆ Hot Wallet จึงได้รับความนิยมมาก แต่ความสะดวกสบายนี้ก็แลกมากับการที่เราต้องเชื่อมั่นผู้ให้บริการ Wallet นี้ว่าจะไม่โกงและไม่หนีหายไปไหน เพราะกุญแจ (Private Key) อยู่กับผู้ให้บริการจึงต้องเลือก Wallet ที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น JIBEX Wallet

ข้อดี ของ Hot Wallet คือ สะดวกสบาย เพราะสามารถรับและจ่ายบิทคอยน์ได้อย่างรวดเร็ว

ข้อเสีย ของ Hot Wallet คือ ผู้บริการต้องศึกษาดูความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ Wallet อย่างละเอียดรอบคอบให้ดีก่อนตัดสินใจเริ่มใช้งาน เพราะหากผู้ให้บริการ Wallet ไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจมีโอกาสโกงหรือหนีหาย และทำให้เกิดความเสียหายกับผู้ใช้บริการได้

การเลือกใช้กระเป๋าเงินออนไลน์ หรือ Hot Wallet มี 4 สิ่งที่ต้องรู้ในการเลือกใช้ นั่นคือ

1. ต้นทุน/ราคา ว่ามีราคาเท่าไร ราคาค่าธรรมเนียมของแต่ละที่จะแตกต่างกัน บางที่ถูก บางที่แพง

2. ความปลอดภัย ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ให้บริการว่าคือใคร เปิดเผยตัวตนหรือไม่ ประวัติการให้บริการเป็นอย่างไร

3. สภาพคล่อง ว่าการเคลื่อนย้ายเงินดิจิตอล มีความสะดวกแค่ไหน เก็บเงินสกุลไหนได้บ้าง

4. ดีไซน์ใช้งานง่าย รูปแบบของกระเป๋าออนไลน์ ว่าใช้งานได้ง่ายหรือไม่

นอกจากกระเป๋าเงินออนไลน์ หรือ Hot Wallet แล้ว นักลงทุนสกุลเงินดิจิตอลยังสามารถเลือกใช้ Cold Wallet หรือ Cold Storage เพื่อเก็บ Public key และ Private key ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้กับตัวเอง ในรูปแบบชิปหรือกระดาษเพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัยจากการโจรกรรมข้อมูลทางออนไลน์ เมื่อต้องการทำธุรกรรมเพียงแค่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต และกรอกข้อมูล adress และ Private key ตามข้อมูลในชิปหรือกระดาษ ก็จะสามารถทำธุรกรรมเงินสกุลดิจิตอลได้ ตัวอย่างของ Cold Wallet เช่น Bitaddress และ Electrum

ข้อดี ของ Cold Wallet คือ จะถูกเก็บอยู่ที่ตัวผู้ใช้งานเอง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการเก็บชิป หรือกระดาษที่มีข้อมูลเกี่ยวกับ Public key และ Private key ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งการเก็บแบบนี้จะไม่ได้ใช้ระบบ online หรือ internet เข้ามาจัดการเลย ดังนั้นการเก็บในรูปแบบ Cold Wallet นี้จะเป็นการป้องกันการไวรัสต่างๆ หรือจากการแฮ็กข้อมูลใน Private key ได้

ข้อเสีย ของ Cold Wallet คือ ผู้ใช้งานต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของ Wallet เอง

Hardware Wallet มีรูปแบบคล้ายกับ Cold Wallet แตกต่างกันที่ Hardware Wallet ต้องทำการเชื่อมต่อ USB เข้ากับตัวคอมพิวเตอร์ เพื่อทำธุรกรรมเกี่ยวกับเงินดิจิตอลต่างๆ ได้ ตัวอย่าง Hardware Wallet เช่น Trezor, Ledger และ Keepkey ส่วนข้อดี ข้อเสีย ของ Hardware Wallet ก็จะเหมือนกับ Cold Wallet การเลือกใช้กระเป๋าเงินออฟไลน์ หรือ Cold Wallet/Hardware Wallet มี 3 สิ่งที่ต้องรู้ในการเลือกใช้ นั่นคือ

แบรนด์ หรือ ผู้ให้บริการ Cold Wallet/Hardware Wallet มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ มีคนใช้บริการมากน้อยขนาดไหน ต้องมีฟังก์ชั่น หรือบริการที่สามารถรองรับการแสดงผลและข้อมูลต่างๆ เช่น สำหรับ Hardware Wallet นั้น USB ที่เก็บข้อมูลมีหน้าจอที่แสดงผลข้อมูลเหล่านี้ได้ ทำให้ผู้ใช้บริการได้ทราบข้อมูลที่จำเป็น มีความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้งานได้

สำหรับ Hardware Wallet ตัวเครื่องต้องมีการรับประกัน เพราะถ้าเกิดสูญหาย ก็ยังสามารถกู้รหัสคืนมาได้ เมื่อเรารู้จัก Wallet แต่ละประเภทกันแล้ว ก็จะสามารถเลือกใช้กระเป๋าเงินสำหรับเก็บเงินสกุลดิจิตอลกันได้ตามความสะดวก และไลฟ์สไตล์การลงทุนของแต่ละคนกันได้เลย

รู้จัก Wallet เลือกใช้ยังไงดี