บริษัทบริหารสินทรัพย์จับมือก่อตั้งสมาคมฯ ร่วมสร้างมาตรฐานบริหารสินทรัพย์ และการติดตามทวงหนี้ พร้อมนำสินทรัพย์กลับเข้าสู่ระบบเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

23 May 2018
นายสุชาติ บุญบรรเจิดศรี นายกสมาคมบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ประกอบการบริษัทบริหารสินทรัพย์ได้ร่วมมือกันจัดตั้ง "สมาคมบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย" (Thailand Asset Management Company Association-TAMCA )ขึ้นมา เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างบริษัทบริหารสินทรัพย์ และการให้ความช่วยเหลือระหว่างผู้ประกอบธุรกิจด้วยกัน รวมทั้งเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ การแลกเปลี่ยนความรู้ สร้างความเข้มแข็ง พัฒนาองค์ความรู้ ยกระดับการติดตามทวงถามหนี้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารธุรกิจ และเป็นตัวกลางในการประสานงานกับหน่วยงานราชการ
บริษัทบริหารสินทรัพย์จับมือก่อตั้งสมาคมฯ ร่วมสร้างมาตรฐานบริหารสินทรัพย์ และการติดตามทวงหนี้ พร้อมนำสินทรัพย์กลับเข้าสู่ระบบเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ที่ผ่านมาบริษัทบริหารสินทรัพย์ได้มีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก ในการรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของสถาบันการเงิน เพื่อนำมาบริหารจัดการหรือปรับปรุงคุณภาพต่อไป โดยเฉพาะช่วงหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 บทบาทของบริษัทบริหารสินทรัพย์ต่อระบบเศรษฐกิจได้เพิ่มมากขึ้น และมีความสำคัญไม่น้อยกว่าสถาบันการเงินรูปแบบอื่น

ทั้งนี้ธนาคารพาณิชย์มีส่วนสำคัญมากต่อระบบเศรษฐกิจ ในการทำหน้าที่ดูแลเงินฝากของประชาชน รวมถึงให้สินเชื่อแก่บุคคล และธุรกิจต่างๆ อย่างไรก็ตามสินเชื่อที่เป็นหนี้ดีอาจจะกลายเป็นหนี้เสีย บริษัทบริหารสินทรัพย์จึงได้เข้ามามีบทบาทในการบริหารหนี้เสีย ของสถาบันการเงินก่อนที่หนี้เสียจะก่อตัวจนกระทบกับระบบเศรษฐกิจ โดยหน้าที่หลักของบริษัทบริหารสินทรัพย์คือการซื้อหรือรับโอนหนี้เสีย เพื่อลดสัดส่วนหนี้เสียของสถาบันการเงิน และนำมาปรับปรุงคุณภาพหนี้ เช่น การประนีประนอมหนี้ การยืดระยะเวลาผ่อนชำระ การให้รีไฟแนนซ์ การตีทรัพย์ชำระหนี้ เป็นต้น ซึ่งบริษัทบริหารสินทรัพย์จะมีความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน ส่งผลให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ช่วยแบ่งเบาภาระลูกหนี้ด้วยช่องทางที่หลากหลาย และเหมาะสมกับลูกหนี้ในแต่ละกลุ่ม บริษัทบริหารสินทรัพย์จึงเป็นกลไกสำคัญทั้งทางตรงและทางอ้อมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

จากรายงานธนาคารแห่งประเทศไทย ณ มีนาคม 2561 มีบริษัทบริหารสินทรัพย์จำนวน 50 แห่ง รวมสินทรัพย์ 184,200 ล้านบาท