นายอภิศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขายต่างประเทศ เผยว่า "เราเป็นแบรนด์หลักในการส่งออกกะทิในตลาดโลก โฟกัสของเรายังคงเป็นสินค้ากลุ่มมะพร้าว ซึ่งเราอยู่ในตลาดมากว่า 42 ปี เราจึงต้องมีการปรับตัว ศึกษา และวิเคราะห์ตลาดอยู่ตลอดเวลา ทำให้เรามองเห็นช่องทางในการหาไลน์ธุรกิจ ใหม่ๆ ที่สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น แผนการรุกตลาดเครื่องดื่มในรูปแบบกะทิพร้อมดื่มเราได้เปิดตลาดมาสักพักแล้ว มีการตอบรับดีมาก โดยเฉพาะในต่างประเทศลูกค้านิยมมาก ในปีนี้เราจึงคิดค้นรสชาติใหม่ๆ จำนวน 3 รสชาติ ได้แก่ รสงาดำ รสมันม่วง และรสเมล่อน เพื่อบุกตลาดและเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค ส่วนทางด้านขนมขบเคี้ยว เราทดลองวางจำหน่ายเมื่อปีก่อน คือ มะพร้าวอบกรอบ ตรา "ชาวเกาะ" 3 รสชาติ รสต้นตำรับ รสซาวครีม และรสเบค่อนชีส ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี สามารถทานเล่นเป็นอาหารว่าง ดีต่อสุขภาพ เพราะทุกขั้นตอนการผลิตเราได้คัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ใช้วิธีการอบกรอบแทนการทอด และในปีนี้ได้เตรียมรสชาติใหม่ปล่อยสู่ตลาดให้ได้ลิ้มลอง กับ รสซอสศรีราชา ซึ่งเรารับประกันได้ว่า อร่อยไม่แพ้ 3 รสชาติที่วางตลาดไปก่อนหน้าแล้วอย่างแน่นอน ส่วนการเติบโตและรายได้ในช่วงไตรมาสแรกนี้ ของแบรนด์ชาวเกาะ อยู่ที่ตลาดส่งออกเป็นหลัก เราส่งสินค้าออกไปทำตลาดในต่างประเทศกว่า 45 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 80% โดยใช้กลยุทธ์หลักของเราเน้นในเรื่องของการผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า มีการเข้าไปศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าในแต่ละประเทศด้วยตนเอง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้จริง ในการนำกลับมาพัฒนาและต่อยอดสินค้าและบริการของเราให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน ส่วนตลาดในประเทศนั้นสัดส่วนอยู่ที่ 20% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของเรายังคงเป็นกลุ่มแม่บ้าน อายุ 25-45 ปี
สำหรับแผนการเปิดตัวสินค้าใหม่ในปีนี้ เราได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลายรายการ ในงาน THAIFEX – World of Food ASIA 2018 (วันที่ 29 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2561 ที่อิมแพค เมืองทองธานี) อย่างแบรนด์หลักชาวเกาะก็เตรียมเปิดตัว กะทิดื่ม 3 รสชาติ (งาดำ / มันม่วง / เมล่อน) ,สังขยาผงกึ่งสำเร็จรูป 2 รสชาติ (ใบเตย / และวนิลา),มะพร้าวอบกรอบ รสซอสศรีราชา ส่วนแบรนด์ "แม่พลอย"ตลาดเครื่องปรุงรสอาหารไทย เตรียมส่ง น้ำจิ้มไก่ เอาใจคนรักสุขภาพ ด้วยสูตรไม่มีน้ำตาล และน้ำพริกแกงสูตรมังสวิรัต ซึ่งเราทำออกมา6 รสชาติ (น้ำพริกแกงเผ็ดแดง,น้ำพริกแกงเขียวหวาน,น้ำพริกแกงพะแนง, น้ำพริกแกงมัสมั่น,น้ำพริกแกงกะหรี่, เครื่องต้มยำ ) เพื่อให้เข้ากับเทรนด์การดูแลสุขภาพในปัจจุบัน โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ทำการเปิดตัวในครั้งนี้เราจะเน้นการส่งออกไปยังต่างประเทศเป็นหลัก ในขณะเดียวกันการทำการตลาดในประเทศยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง เราจะโปรโมทตัวผลิตภัณฑ์กะทิถุงพาสเจอร์ไรส์ ตราชาวเกาะ ที่มีความสดใหม่เหมือนกะทิคั้นสด ออกมาให้เห็นมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคและเป็นการตอกย้ำการเป็นแบรนด์อันดับ 1 และผู้ผลิตกะทิสำเร็จรูปเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายการปรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่คุ้นชินกับการใช้กะทิคั้นสดเพียงอย่างเดียว ให้หันมาใช้กะทิสำเร็จรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
ด้าน นายธีติพันธ์ เทพผดุงพร ผู้จัดการฝ่ายการตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า กลุ่มสินค้าขายดี 3 อันดับแรก คือ กะทิสำเร็จรูป น้ำมะพร้าวและน้ำจิ้มไก่ ซึ่งทั้ง 3 สินค้านี้ได้ขยายตลาดในกลุ่มประเทศต่างๆ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหลักอยู่ในอเมริกา ส่วนในโซนอื่นๆ เช่นยุโรป เอเชีย และโอเชียเนียยังมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากดีมานด์ของการบริโภคยังคงเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งถ้ามองสัดส่วนของการส่งออกจะอยู่ที่อเมริกา-แคนาดา ประมาณ 55%,ในยุโรป 13%,โอเชียเนีย 16% (ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์-หมู่เกาะต่างๆ) ส่วนในเอเชียและที่อื่นๆ อีกประมาณ 15% โดยในต่างประเทศผลิตภัณฑ์กะทิกระป๋องยังคงครองความเป็นอันดับ 1 และเป็นที่ต้องการของตลาดค่อนข้างสูง โดยในขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์กะทิบรรจุกล่อง UHT เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มผู้บริโภคภายในประเทศเช่นกัน ด้วยความที่แบรนด์ชาวเกาะได้ครองใจกลุ่มผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมายาวนาน และมีแนวโน้มของการตอบรับที่ดี โดยในปีที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปเปิดตลาดกลุ่ม AEC โดยนำสินค้าจำหน่ายผ่านดิสทริบิวเตอร์ในประเทศพม่า ซึ่งถือว่าเป็นประเทศแรกในกลุ่มAEC ที่เราเข้าไปทดลองตลาด ผลปรากฏว่า แค่ช่วงระยะเริ่มต้นกระแสตอบรับในตลาดดีมาก พบว่าดีมานด์ในพม่ามีสูง ตลาดค่อนข้างใหญ่ ยอดขายอยู่ในเกณฑ์ทีน่าพอใจ โอกาสเติบโตมีสูง ส่วนทิศทางของการทำตลาดของแบรนด์ชาวเกาะ และ แม่พลอย ที่เรายังคงเน้น สัดส่วนOffline อยู่ที่ 70% และสัดส่วน Online อยู่ที่ 30% โดยเราได้เพิ่มการทำตลาดบน Online และใช้ social media ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปีทีผ่านมาเราได้ใช้สื่อออนไลน์ในการโปรโมทกิจกรรมทางการตลาด รวมไปถึงเปิดช่องทางการขายบนออนไลน์ด้วย เนื่องจากต้องการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่เพื่อให้ได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็วในการเลือกซื้อสินค้าของเรา แต่ต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาแชร์ตลาดอย่างต่อเนื่องและมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง แต่จุดยืนของแบรนด์ชาวเกาะและแม่พลอย ที่ยังคงครองใจลูกค้า คือ การรักษาฐานลูกค้าด้วยการสร้างมิตรสัมพันธ์ทีดีอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ มีการควบคุมคุณภาพการผลิตในทุกขั้นตอน มีการลงทุนกว่า 50 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงเครื่องจักร รวมไปถึงการขยายพื้นที่การจัดเก็บสินค้าใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออกและรองรับการขยายตัวของตลาดทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย"
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit