นายสุทธิพงษ์ ไชยลังกา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันเคียวโฮม (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท เคฮัง เรียลเอสเตท จำกัด (Keihan Real Estate Co.,Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท เคฮัง โฮลดิ้งส์ จำกัด (Keihan Holdings Co., Ltd.) ผู้ให้บริการรถไฟรายใหญ่ในภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ.1910 เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศไทยร่วมกันในลักษณะโครงการร่วมทุน (Joint Venture) เป็นโครงการแรก ภายใต้ชื่อโครงการ "The FINE Bangkok" (เดอะฟายน์ แบงค็อค) บนย่านทองหล่อ-เอกมัย
"นอกจากพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ญี่ปุ่นแล้ว เราต้องการสร้างตลาด และโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยมองเห็นโอกาสตลาดกลุ่มประเทศอาเซียนที่กำลังเติบโต และเมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ของประเทศ GDP ขนาดเศรษฐกิจ ความชัดเจนในด้านกฎหมาย และกำลังซื้อของผู้บริโภค ประเทศไทยมีความโดดเด่นในปัจจัยต่างๆ เหล่านี้มากที่สุดประเทศหนึ่งในอาเซียน การันตีได้จากบริษัทญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนที่ไทยมากมาย เรามุ่งหวังให้กรุงเทพฯเป็นจุดศูนย์กลางการขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคนี้" นายสุทธิพงษ์ กล่าว
ที่ผ่านมา บริษัท ซันเคียวโฮม (ประเทศญี่ปุ่น) จำกัด และบริษัท เคฮัง เรียลเอสเตท จำกัด เคยร่วมกันพัฒนาโครงการลักษณะร่วมทุน (Joint Venture) ที่ประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว 5 โครงการ ภายใต้แบรนด์ The FINE เช่น โครงการคอนโดมิเนียมหรู 45 ชั้น The FINE Tower - Umeda Toyosaki ใจกลางโอซาก้าและสามารถปิดการขายแล้ว 100%
ทั้งนี้ ด้วยประสบการณ์การพัฒนาที่อยู่อาศัยครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์ ทุกระดับราคาของทั้ง 2 บริษัท ประกอบกับประสบการณ์การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกันจนเป็นที่ยอมรับของชาวญี่ปุ่น บริษัทจึงมุ่งหวังให้การพัฒนาโครงการ The FINE Bangkok ร่วมกันในครั้งนี้ เป็นโอกาสในการส่งมอบคุณภาพและมาตรฐานใหม่ของการใช้ชีวิตในเขตเมือง เช่นเดียวกับที่บริษัทได้เคยส่งมอบให้ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นมาแล้ว
สำหรับโครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรู มูลค่าโครงการกว่า 1,700 ล้านบาท เป็นอาคารสูง 31 ชั้น จำนวน 220 ยูนิต ตั้งอยู่บริเวณซอยเอกมัย 12 พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ "Luxury Modern Japanese" มีความเรียบง่ายอบอุ่น แต่หรูหรา ภายในประกอบด้วยห้องชุด 1-2 นอน และเพนท์เฮ้าท์ ขนาดตั้งแต่ 34.5-92 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 5.5 ล้านบาท โดดเด่นด้วยนวัตกรรมการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้ประโยชน์ของพื้นที่สูงสุดโดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ อาทิ การมีระบบ Auto Parking เพิ่มพื้นที่จอดรถให้มีมากถึง 70% รองรับผู้อยู่อาศัยในเมืองที่ยังคงต้องใช้รถยนต์ในการเดินทาง นอกเหนือจากรถไฟฟ้า และรวมถึงระบบการสั่งซื้อของ และจัดการธุรกรรมต่างๆ ผ่าน Application บนอุปกรณ์อัจฉริยะที่มีติดตั้งไว้ทุกห้อง
นอกจากนี้ภายในโครงการ มีการแบ่งโซนการใช้งานอย่างเป็นสัดส่วน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองถึง 4 โซนได้แก่ โซน Fine Sky, พื้นที่ Roof Lounge ที่ทุกกิจกรรมสามารถชมวิวเมือง 360 องศา ไปพร้อมๆ กัน ทั้ง Fitness, Golf Club, Sky Seat, Karaoke room, Kids Room และ Wine Lounge โซน Fine Retreat พื้นที่รวมของการพักผ่อนรับแดด หรือชมวิวเมืองยามค่ำคืน ได้แก่ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่, Pool Bar, Sauna Room, Hot Pool และ The Edge View Point ซึ่งทุกส่วนออกแบบให้สามารถชมวิวขอบฟ้าได้ใกล้ที่สุด โซน Fine Lounge ได้แก่ Lobby, Co-working room, Private meeting room, Mail room ซึ่งทางโครงการตั้งใจที่จะสร้างโซนนี้ให้เป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกัน โดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว แต่มีพื้นที่กว้างเพียงพอรองรับการใช้งานแบบกลุ่มใหญ่ด้วย ภายในโครงการยังตกแต่งด้วยวัสดุเรียบหรู ผสมผสานทั้งเรื่องฟังก์ชัน พื้นผิว และการออกแบบ ให้ทั้งตัวอาคารและห้องพักอาศัย มีกลิ่นอาย Modern Luxury และสุดท้าย โซน Fine Greenery ตอบโจทย์ที่พักอาศัยใจกลางเมือง แต่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าบริเวณโครงการคือ Spring Garden และ พื้นที่สวนชั้น 23 และชั้น 27
ด้าน นายโยชิฮิสะ โดโมโตะ (Mr.Yoshihisa Doumoto) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคฮัง เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวว่า บริษัท เคฮัง เรียลเอสเตท จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท เคฮัง โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ธุรกิจหลัก คือ 1.ธุรกิจคมนาคม (Transportation Business) 2.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Business) 3.ธุรกิจค้าปลีก (Retail Business) 4.ธุรกิจบริการและพักอาศัย (Leisure and Service Business) และจากกลุ่มธุรกิจที่เข้มแข็งของเรา บริษัท เคฮัง เรียลเอสเตท จำกัด ได้พัฒนาที่อยู่อาศัยมากมายทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ในครั้งนี้เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับครั้งแรกที่ได้ร่วมมือกับซันเคียวโฮม (ไทยแลนด์) ในการพัฒนาคอนโดมิเนียมในต่างประเทศครั้งแรกที่ไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจอย่างมากในภูมิภาคอาเซียน โดยเรามุ่งหวังที่จะให้คนไทยสัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมคุณภาพ ประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เราทำที่ญี่ปุ่น
ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดพรีเซลในวันที่ 2-3 มิถุนายนนี้ โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือ กลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 30-40 ปี ที่ชื่นชอบความหรูหราอย่างมีสไตล์ รวมไปถึงกลุ่มผู้บริหารระดับสูงที่มีวิสัยทัศน์ในการอยู่อาศัย ตลอดจนเพื่อการลงทุนระยะยาว คาดว่าในวันเปิดขายพรีเซลจะมียอดขายกว่า 60 % โดยมี บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นผู้ดูแลบริหารงานขายและการตลาด ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thefinebangkok.com หรือโทรสอบถาม 065-219-2727
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit