ทีพาร์คเดินหน้าพัฒนาคลังสินค้าสีเขียวต่อเนื่อง ล่าสุดคว้ามาตรฐาน LEED Gold ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานมากกว่า 50 เปอร์เซนต์ และประหยัดการใช้น้ำภายในอาคารมากกว่า 40 เปอร์เซนต์พร้อมทั้งช่วยเสริมคุณภาพชีวิตและสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานในคลังสินค้าให้ดีขึ้น ย้ำพร้อมเดินหน้าพัฒนาคลังสินค้าสีเขียวต่อเนื่อง มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยปัจจุบัน ฟอร์ด ใช้พื้นที่คลังสินค้าแห่งนี้ เป็นศูนย์กระจายอะไหล่
นายวีรพันธ์ พูลเกษ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มไทคอน ในฐานะบริษัทแม่ของบริษัท ไทคอน โลจิส ติกส์ พาร์ค จำกัด (TPARK) ผู้นำด้านการพัฒนาคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าคุณภาพมาตรฐานระดับสากล เปิดเผยว่า "ทีพาร์คได้รับการรับรองคุณภาพอาคารคลังสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานของ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ในระดับ Gold โดย U.S. Green Building Council (USGBC) ซึ่งเป็นองค์กรที่เป็นผู้นำในการกำหนดมาตรฐานอาคารสีเขียวในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้ระบบการประเมินคุณภาพอาคารแบบ LEED Core & Shell Rating System (LEED CS) ซึ่งเหมาะสำหรับการประเมินอาคารที่สร้างเพื่อให้เช่าโดยเฉพาะ โดยโครงการล่าสุดที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียว LEED Gold ได้รับการพัฒนาเพื่อใช้เป็นศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ของ ฟอร์ด ในประเทศไทย มีขนาดพื้นที่จัดเก็บอะไหล่ 26,000 ตารางเมตร ซึ่งพื้นที่นี้ยังสามารถขยายต่อไปได้อีกถึง 79,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจของฟอร์ดต่อไปในอนาคต ตั้งอยู่ในโครงการ TPARK บางพลี 4"
นายสันติ จิตพิชิตชัย ผู้อำนวยการฝ่ายอะไหล่และโลจิสติกส์ ฟอร์ด อาเซียน กล่าวว่า "ฟอร์ดเปิดศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ในประเทศไทยในโครงการ TPARK บางพลี 4 แห่งนี้ ด้วยเงินลงทุน 100 ล้านบาท เพื่อใช้จัดเก็บและกระจายอะไหล่ รวมถึงยกระดับความสามารถในการบริการอะไหล่ให้ลูกค้าฟอร์ด ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งนี้เข้าถึงเครือข่ายศูนย์กระจายอะไหล่ใน 9 ตลาดในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกของฟอร์ด จึงสามารถบริหารจัดการอะไหล่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและฐานลูกค้าของฟอร์ดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การที่ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งนี้ได้รับมาตรฐาน LEED Gold จะส่งผลให้การบริหารจัดการและประสิทธิภาพในการทำงานของฟอร์ดเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และยังเป็นการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในองค์รวมได้อีกทางหนึ่งด้วย"
ทั้งนี้ จากการประเมินคลังสินค้าตามมาตรฐาน LEED CS พบว่า คลังสินค้าแห่งนี้ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า 53 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับคลังสินค้าทั่วไป โดยมีการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น เช่น การออกแบบหลังคาแผ่นใสทำให้ภายในอาคารมีแสงสว่างมากเพียงพอต่อการทำงานเนื่องจากสามารถรับแสงสกายไลท์ที่มากกว่า 97 เปอร์เซนต์ รวมถึงการใช้หลอดไฟ LED ที่มีประสิทธิภาพสูง การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ และการวางระบบไฟฟ้าภายในอาคารด้วยระบบติดตามการใช้พลังงานในตึก ทำให้สามารถประเมินการใช้พลังงานได้อย่างละเอียดมากขึ้นตามมาตรฐาน ASHRAE (มาตรฐานการใช้พลังงานในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับโลก)
นอกจากนี้ ยังสามารถลดการใช้น้ำในอาคารได้มากถึง 43 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับคลังสินค้าทั่วไป และมีการออกแบบภูมิทัศน์ที่ช่วยประหยัดน้ำภายนอกอาคารได้มากกว่า 60 เปอร์เซนต์ เช่น การเลือกปลูกต้นไม้ที่ต้องการน้ำน้อย ตลอดจนคุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคารได้ถูกออกแบบให้มีระบบหมุนเวียนอากาศตามมาตรฐาน ASHRAE ซึ่งจะช่วยให้อาคารสามารถประหยัดพลังงานได้ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน ในอาคารให้ดีขึ้นอีกด้วย จึงมั่นใจได้ว่า คลังสินค้าตามมาตรฐาน LEED Gold นี้ จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าที่เป็นองค์กรชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม
"กลุ่มไทคอน มีแนวคิดในการพัฒนาอาคารสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่ปี 2557 ตามนโยบายหลักขององค์กรในการให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างสังคมที่ดีให้ กับชุมชนรอบโครงการ โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของกลุ่มไทคอน คือ การผลักดันให้โรงงานและคลังสินค้า ที่พัฒนาโดยกลุ่มไทคอน เป็นอาคารที่สามารถอนุรักษ์พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมได้ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ กระบวนการก่อสร้าง จนถึงการใช้อาคารในการปฏิบัติงานจริง โดยที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทไทคอนได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED สำหรับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (สุวรรณภูมิ) และคลังสินค้าในโครงการ TPARK บางนา ต่อมาในปี 2559 ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED Silver สำหรับคลังสินค้าในโครงการ TPARK วังน้อย 2" นายวีรพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit