นักท่องเที่ยวชาวไทยหลงรักผิวสีแทน
การเป็นพลเมืองในประเทศเขตร้อนและมีแดดจัดอย่างประเทศไทย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนไทยชื่นชอบการเที่ยวพักผ่อน ชายหาด จากผู้ตอบแบบสอบถามในประเทศไทย 852 คน ปรากฏว่าปีนี้คนไทยท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดในวันหยุดถึง ร้อยละ 95 และ ร้อยละ 73 ในปีที่ผ่านมา ในบรรดาผู้ที่ท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดทั้งหมดนั้น มีจำนวนร้อยละ 42 เดินทาง ไปท่องเที่ยวชายหาดมี่ต่างประเทศ ขณะที่ร้อยละ 58 ท่องเที่ยวภายในประเทศที่ตนพำนัก
สำหรับคนไทย จุดหมายปลายทางที่นิยมมากที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดคือการเที่ยวชายหาดในประเทศ ไทย ซึ่งชายหาดในประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวนิยมจำนวนมากถึง 7 ใน 10 (คิดเป็นร้อยละ 69) รองจากไทยคือ สิงคโปร์ ร้อย ละ17 ญี่ปุ่นร้อยละ16 ฮาวายร้อยละ 14 และออสเตรเลียร้อยละ 12 ขณะที่ข้อมูลการสำรวจนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่ว โลกที่เข้ามาท่องเที่ยวชายหาดในประเทศไทยนั้น มีจำนวนร้อยละ 12 และจำนวน 1 ใน 5 หรือ ร้อยละ 21 เป็นชาวเกาหลีใต้ ร้อยละ 17 เป็นชาวอินเดียและร้อยละ 15 เป็นชาวออสเตรเลีย
จากการศึกษาข้อมูลแสดงให้เห็นว่าคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของตนเองมากที่สุด อย่างไรก็ตามชายหาดในฝันยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยยังคงต้องการไปท่องเที่ยวมากที่สุด จากผลการศึกษาพบว่าคนไทยจำนวน 9 ใน 10 (ร้อยละ 92) มีรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวชายหาดในฝันไว้ในรายการอีกเพียบ โดยอันดับสูงสุดคือชายหาดไวกิกิ (Waikiki) ที่ฮาวาย ร้อยละ 49 ตามมาด้วย เซมินยัค (Seminyak) เกาะบาหลี ร้อยละ 32% อามัลฟี (Amalfi) ที่อิตาลี ร้อยละ16 และ พาราไดซ์ บีช (Paradise Beach) ร้อยละ 12
ช่วงเวลาดีๆ ที่ใช้ในวันหยุดพักผ่อน
แม้การเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดในวันหยุดแต่ละครั้งจะเริ่มขึ้นเร็วเท่าที่จะเริ่มได้ แต่นักเดินทางชาวไทยส่วนใหญ่ ยังแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขาต้องการใช้ระยะเวลาสั้นๆ ในการเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดแต่ละครั้ง โดยเฉลี่ยแล้วคนไทยชอบที่จะนั่งเครื่องบินครั้งละประมาณ 4 ชั่วโมง และใช้ยานพาหนะบนถนนเป็นเวลา 4.5 ชั่วโมง เท่านั้น นอกจากนี้คนไทยยังชอบที่จะขับรถและนั่งเครื่องบินใช้เวลาน้อยที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความตั้งใจที่จะเดินทางค่อนข้างน้อย แต่คนไทยจำนวน 1 ใน 10 (ร้อยละ 12) นั้นชอบการขับรถ และร้อยละ 10 ชอบใช้เวลาเดินทางบนเครื่องบินมากกว่า 9 ชั่วโมงเพื่อไปให้ถึงยังชายหาดที่เขาปรารถนา
โดยเฉลี่ยแล้วคนไทยใช้เวลาพักผ่อนชายหาดในวันหยุดประมาณ 5 วัน ซึ่งวันหยุดนานาชาติจะมากกว่าวันหยุดราชการเฉลี่ยประมาณ 6 วันและมากกว่า 4 วันตามลำดับ และมีคนไทยเพียงร้อยละ 12 ที่จะเดินทางท่องเที่ยวนานกว่าหนึ่งสัปดาห์
การตัดสินใจเดินทาง
เมื่อตัดสินใจเดินทางไปพักผ่อนชายหาด ปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดสำหรับคนไทย คือ เรื่องความปลอดภัยและความสะอาดของชายหาด ที่สูงถึงร้อยละ 96 ตามด้วยสภาพอากาศที่ดีร้อยละ 92 และงบประมาณในการเดินทางร้อยละ 88 ส่วน รีสอร์ทและกิจกรรมต่างๆ ของผู้ใหญ่ถือเป็นเรื่องสำคัญเพียง 2 ใน 3 หรือร้อยละ 66 ที่มีแนวโน้มว่าคนไทยให้ความสำคัญมากที่สุด (โดยเฉลี่ยทั่วโลกคิดเป็นร้อยละ 53) คนอินเดียให้ความสำคัญกับสื่อสังคมออนไลน์ในการตัดสินใจท่องเที่ยว ชายหาดสูงถึงร้อยละ 74 ส่วนคนไทยเป็นอันดับสองรองจากอินเดียมีจำนวนร้อยละ 69 ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของคนทั่วโลกมี จำนวนร้อยละ 55 อีกข้อมูลที่น่าสนใจคือ คนไทยที่สนใจเรื่องการสถานที่ท่องเที่ยวชายหาดน้อยที่สุดส่วนมากเป็นคนโสด และมีจำนวนมากถึง 2 ใน 3 หรือ ร้อยละ 68 ที่มองว่าเรื่องนี้สำคัญน้อยที่สุด
นักเดินทางที่มีความสุข
คนไทยชื่นชอบการเที่ยวพักผ่อนชายหาดในวันหยุด และจำนวนร้อยละ 97 พึงพอใจกับการท่องเที่ยวครั้งล่าสุดมากที่สุด และ มากกว่า 2 ใน 5 (ร้อยละ 43) พึงพอใจมาก ยิ่งนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวนานๆ ยิ่งมีความพึงพอใจมาก ขึ้นเท่านั้น จำนวนมากกว่า 2 ใน 3 (ร้อยละ 65) ของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ใช้เวลาท่องเที่ยวนานกว่า 3 สัปดาห์ มีความพึง พอใจมากกว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางมากกว่า 2 สัปดาห์ และ 1 สัปดาห์ มีจำนวนร้อยละ 62 และร้อย 46 ตามลำดับ
นักท่องเที่ยวชาวไทยค่อนข้างชื่นชอบและพึงพอใจในการท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดในต่างประเทศมากกว่าท่องเที่ยวใกล้ๆ บ้าน โดยในต่างประเทศมีจำนวนร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับในประเทศที่มีจำนวนร้อยละ 41 ที่สำคัญที่สุดคือคนไทยมากกว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 54) พึงพอใจกับการท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดที่ฮาวายอย่างมาก
ไม่ว่าพวกเขาจะเดินทางไปกับใคร คนไทยมากกว่าร้อยละ 95 พึงพอใจกับวันหยุดพักผ่อนของพวกเขา อย่างไรก็ตามการเดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวมีแนวโน้มว่าพวกเขาความสุขมากถึงร้อยละ 45 ซึ่งมากกว่าการเดินทางท่องเที่ยวกับคู่รักที่มีจำนวนร้อยละ 40
พักผ่อนชายหาดในวันหยุดอย่างคุ้มค่าที่สุด
นักท่องเที่ยวชาวไทยนั้นชอบปรนเปรอตนเองแต่ก็มีวิธีที่ชาญฉลาดมากๆ พวกเขาใช้เงินในการท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาด ในวันหยุดเมื่อครั้งล่าสุดด้วยงบประมาณเฉลี่ยมากกว่า 1,400 เหรียญสหรัฐ ขณะที่คนทั่วโลกเสียค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดต่ำสุดโดยเฉลี่ยมากกว่า 2,000 เหรียญสหรัฐ กลุ่มคนไทยที่อาวุโสเสียค่าใช้จ่ายในวันหยุดพักผ่อนชายหาดมากที่สุดถึง 2,000 เหรียญสหรัฐ โดยประมาณ เมื่อเทียบกับกลุ่ม Gen Y ที่มีค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยมากกว่า 1,400 เหรียญสหรัฐ และ Gen X ใช้มากกว่า 1,100 เหรียญสหรัฐ สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มคู่รักใช้จ่ายในการท่องเที่ยวพักผ่อนชายหาดมากที่สุด ประมาณ 2,000 เหรียญสหรัฐ ตามด้วยนักเดินทางกลุ่มครอบครัวจะใช้จ่ายมากกว่า 1,500 เหรียญสหรัฐ ส่วนการท่องเที่ยวกับเพื่อน ๆ ดูเหมือนจะใช้จ่ายน้อยที่สุดที่ประมาณ 950 ซึ่งถูกกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นคนโสดที่ใช้จ่ายมากกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐสิ่งที่น่ารำคาญ ความน่ากลัวและมารยาทของการท่องเที่ยวชายหาด
ความแตกต่างทางวัฒนธรรมส่งผลกระทบต่อทัศนคติและมารยาทในการเดินทางท่องเที่ยวชายหาด จากการศึกษาข้อมูล แสดงให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวชาวหาดไทยมีความรู้สึกคล้ายกับนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่น่า รำคาญ ความน่ากลัวและมารยาทที่ไม่พึงประสงค์
ชุดบิกินีสำหรับผู้หญิงนั้นถือเป็นเครื่องแต่งกายชายหาดที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยถึง ร้อยละ 88 ซึ่งมากขึ้นกว่าเครื่องแต่งกายชายหาดแบบอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ชุดว่ายน้ำแบบทูพีชสำหรับผู้หญิงยังเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางถึง ร้อยละ 83 จัดว่าเป็นเครื่องแต่งกายชายหาดที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดอันดับ 2 ตามด้วยชุดวายน้ำทูพีชสำหรับผู้ชาย ร้อยละ 77
จากผลการสำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยวชาวไทยเกือบทั้งหมดพบว่า อย่างน้อยลักษณะที่น่ารำคาญของนักท่องเที่ยวชาญหาดนั้นเป็นเรื่องโดยทั่วไป คนส่วนใหญ่มักจะรำคาญ "คนสกปรก" มากที่สุดถึง ร้อยละ 66 รองลงมาคือ "คนขี้เมา" ร้อยละ 55 และ "คนที่ชอบกอดจูบกัน" ร้อยละ 51 ซึ่งคนทั้ง 3 ประเภทนี้ สร้างความรำคาญให้นักท่องเที่ยวชาวไทยมากขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2559
ความวิตกกังวลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อคิดถึงการไปเที่ยวพักผ่อนชายหาดในวันหยุด คนไทยมักจะรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการถูกโจรกรรมถึงร้อยละ 79 รองลงมาคือทรัพย์สินสูญหาย ร้อยละ 74 การจมน้ำหรือการกระแทกที่รุนแรง ร้อยละ 73 และถูกแมงกะพรุนหรือ ปลากระเบน ร้อยละ 73 ในขณะที่ร้อยละ 97 ของกลุ่มพ่อแม่ชาวไทยมีความวิตกกังวลเรื่องเกี่ยวกับลูกๆ ของตนขณะที่พักผ่อนชายหาด โดยความกังวลที่พบมากที่สุดคือเรื่องความเจ็บป่วยของลูก สูงถึงร้อยละ 68 รองลงมาคือการจมน้ำหรือถูกน้ำพัดหายไปร้อยละ 67 และถูกแมงกะพรุนร้อยละ 63 เปอร์เซ็นต์ ผู้ปกครองชาวไทยมีแนวโน้มว่าจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องความเจ็บป่วยของลูก ๆ มากที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับคนทั่วโลกที่มีความกังวลเรื่องนี้โดยเฉลี่ยร้อยละ 56
การเตรียมตัวไปพักผ่อนชายหาดในวันหยุด
นักท่องเที่ยวชาวไทยจะเริ่มใช้เวลาเตรียมตัวเองให้พร้อมเพื่อไปพักผ่อนชายหาด โดยเฉลี่ยมากกว่าหนึ่งเดือนหรือประมาณ 36 วันก่อนออกเดินทาง ซึ่งใกล้เคียงกับนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนครึ่ง โดยเฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวชาวไทยใช้เวลามากกว่า 9 ชั่วโมงและยินดีที่จะจ่ายเงินกว่า 80 เหรียญสหรัฐ เพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมในการ "เที่ยวชายหาด" จำนวน 2 ใน 5 หรือร้อยละ 40 ของนักท่องเที่ยวชาวไทยจะเก็บสัมภาระก่อนวันเดินทาง แต่มีจำนวนร้อยละ 14 ที่จะใช้เวลาจัดเตรียมสัมภาระมากกว่าจำนวนวันหยุดพักผ่อนจริงๆ ซะอีก
การจัดเตรียมสัมภาระมากเกินความจำเป็นนั้นปรากฏว่าเป็นความจริงของนักท่องเที่ยวชาวไทย เพราะมีจำนวนถึง 4 ใน 5 หรือร้อยละ 83 โดยมีสัดส่วนจำนวนมากพอๆ กับรายการสิ่งของที่เกินความจำเป็น โดยจำนวน ร้อยละ 62 ยินดีที่จะลากถุงครีมกันแดดขนาดใหญ่ไปด้วยทุกที่ ร้อยละ 61 ยินดีที่จะนำแว่นตากันแดดหลายๆ คู่ไป และจำนวนร้อยละ 33 นำอุปกรณ์สำหรับนักว่ายน้ำไปจำนวนมากมายหลายคู่ การป้องแสงแดดจากดวงอาทิตย์นั้นปรากฏว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย จำนวน 9 ใน 10 หรือร้อยละ 89 จะต้องมีครีมกันแดดอย่างน้อยหนึ่งชิ้นในกระเป๋า
พฤติกรรมชายหาดโดยทั่วไป
กิจกรรมชายหาดของคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นการเดินเล่นตามชายหาดหรือมักนิยมทำกันเป็นประจำ มีจำนวนร้อยละ 73 และยังครองอังดับสูงสุดของกิจกรรมบนชายหาดตั้งแต่ปี พ. ศ. 2560 การถ่ายภาพเซลฟี (Selfies) เป็นกิจกรรมที่คนไทยนิยมทำมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้คนไทยมีแนวโน้มว่าเป็นกลุ่มคนที่ถ่ายภาพเซลฟีบนชายหาดมากที่สุดในโลก มีจำนวนถึงร้อยละ 56 เมื่อเทียบกับคนทั่วโลกโดยเฉลี่ยมีจำนวนร้อยละ 33 กิจกรรมที่พบบ่อยที่สุดอันดับ 3 คือการฟังเพลง ร้อยละ 50 และว่ายน้ำเป็นอันดับ 4 ร้อยละ 48 ตามด้วยโพสต์รูปถ่ายบนสื่อสังคมออนไลน์ร้อยละ 48 ส่วนการเล่นโยคะ ไทเก็ก การทำสมาธิ ร้อยละ 11 การเปลือยกายว่ายน้ำ ร้อยละ 12 และการอาบแดดร้อยละ 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง 3 ประเภทหลังนี้ เป็นกิจกรรมที่คนไทยทำค่อนข้างน้อยบนชายหาด
การแสดงความเจ้าชู้และความโรแมนติกบนชายหาด
กิจกรรมที่แสดงออกถึงความโรแมนติกที่คนไทยส่วนใหญ่ทำกันบนชายหาดคือ การเดินจูงมือเที่ยวชมพระอาทิตย์ตกดิน มีจำนวนร้อยละ 65 และจำนวนมากกว่า 1 ใน 4 หรือร้อยละ 28 คือการพูดคุยกับคนแปลกหน้า คนไทยส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีส่วนร่วมในกิจกรรมโรแมนติกบนชายหาดแบบอื่น ๆ มีคนไทยเพียงร้อยละ 14 ที่จะไปออกเดทกับคู่รัก และร้อยละ 13 เชิญชวนใครสักคนไปออกเดทด้วยกัน
คนไทยส่วนใหญ่คิดว่านักท่องเที่ยวชายหาดที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจมากที่สุด คือนักท่องเที่ยวจากฮาวายร้อยละ 59 รองลงมาคือออสเตรเลีย ร้อยละ 37 เปอร์เซ็นต์ บราซิลร้อยละ 17 แคลิฟอร์เนียร้อยละ 16 และฝรั่งเศส ร้อยละ 12
นายซิมอน ฟิเก้ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดียของแบรนด์เอ็กซ์พีเดีย กล่าวว่า "ผลการศึกษาพบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าประเทศของตนนั้นมีข้อเสนออะไรบ้างเมื่อเข้าสู่เทศกาลท่องเที่ยวชายหาดในวันหยุด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นในทิศทางบวก ด้วยเพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวชายหาดยอดนิยมมากมายหลายแห่ง เช่น หาดพระนาง เกาะพีพี เกาะช้าง เกาะหลีเป๊ะ เกาะภูเก็ต เกาะสมุย หัวหินเกาะเต่า เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้มาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องได้ทุกปี"
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit