พร้อมเปิดกองให้ผู้สื่อข่าวได้สัมผัสกับเบื้องหลังการทำงานของฉากสงครามสุดยิ่งใหญ่และอลังการ ศึกสำคัญของฉากกองทัพพระนเรศวรพร้อมสามทหารเอกและพันธมิตร ยกเข้าบุกตีบ้านสระเกศ ด้วยพระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระนเรศวรฯ ที่ทำให้กองทัพอโยธยาเผด็จศึกกองทัพของพระเข้าเชียงใหม่ จนต้องถอยทัพกลับไปยังเมืองนครพิงค์ โดยมี "คุณจิรัญ รัตนวิริยะชัย" ผู้อำนวยการอาวุโส และที่ปรึกษาดำเนินงาน สร้าง บจก.โมโน บรอดคาซท์ เดินทางร่วมดูแลการถ่ายทำกันถึงที่ พร้อมมิตร ฟิล์ม สตูดิโอ ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี
การถ่ายทำฉากสำคัญในครั้งนี้ นอกจากจะมีนักแสดงหลักอย่าง เป้-ทวีฤทธิ์ จุลละทรัพย์ (รับบทพระนเรศฯ), บีลรู้ -ราชัน ชาม่า (รับบทพระราชมนู),ท็อป-วรชัย หิรัญลาภ (รับบทพระศรีถมอรัตน์), ต๊อบ- อธิวัฒน์ ธีรนิธิศนันนท์ (รับบทพระชัยบุรี),โดโด้-ยุทธพิชัย ชาญเลขา (รับบทพระยาเกียรติ), ภาสวร บวรกีรติ (หรือหนึ่ง วรเชษฐ์ รับบทเป็นพระยาราม), เพทาย-พิจิกรณ์ พลอยมีค่า (รับบทเจ้าหาญฟ้า),วิว-ณัฐริกา เฝ้าด่าน (รับบทเลอขิ่น) เดินทางมาเข้าฉากแล้ว "คุณชายอดัม" ผู้กำกับฯ ยังต้องระดมนักแสดงร่วม และทีมงานรวมกว่า 100 ชีวิต มาสร้างสรรค์การทำงานให้ได้ภาพและอารมณ์ของทำศึกในครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังมี สองนักแสดงหลัก ทิชา พชรวรรณ วาดรักชิต (รับบทมณีจันทร์), เบลล่า-ไรวินทร์ รัศมีนิยมกุล (รับบทนังเชงเมดอ) ตบเท้ามาให้กำลังใจพี่ๆ กันถึงที่กอง
โดยหลังจากทำการซ้อมคิวกันล่วงหน้า 1 วันเพื่อรับมือกับการทำงานที่หนักหน่วง ทั้งซ้อมบท, ซ้อมคิวบู๊, ลุยน้ำ ไปเป็นที่เรียบร้อย ทำให้รู้ถึงปัญหาที่จะต้องเจอ ผู้กำกับฯ จึงมีการปรับคิวการถ่ายทำจากที่วางแผนไว้ว่าจะให้ทหารอโยธยาว่ายน้ำข้ามฝั่ง แต่ด้วยชุดเกราะของทหารเอกใส่ซึ่งมีน้ำหนักมากอยู่แล้ว เมื่อโดนน้ำทำให้น้ำหนักของชุดหนักขึ้นไปอีกเป็นสองเท่า พอถึงวันถ่ายจริง จึงต้องปรับการถ่ายทำออกเป็นคัตๆ แทน เริ่มปฏิบัติการถ่ายทำกันตั้งแต่เช้าตรู่ ทีมงานฝังเอฟเฟ็กระเบิดตามจุดต่างๆ , นักแสดงเปลี่ยนชุด, แต่งหน้า, ทำผม เสร็จเรียบร้อยก็เข้าประจำที่ในขบวนทัพ ฝั่งหนึ่งเป็นทัพของอโยธยาที่มี "พระนเรศวรฯ" ขี่ม้านำทัพเตรียมประชิดค่าย และเตรียมลุยน้ำข้ามกำแพงเมือง ส่วนทหารประจำค่ายบ้านสระเกศแห่งเมืองนครพิงค์ ก็ยืนประจำบนกำแพงพร้อมป้อมปืนใหญ่เพื่อสกัดกั้น หลังจากทุกอย่างพร้อม "คุณชายอดัม" ผู้กำกับฯ ก็สั่งเดินกล้องทันที ต่างฝ่ายต่างก็ออกอาวุธเข้าใส่กันตูมตาม และหลังจากเจาะถ่ายในแต่ละมุมเรียบร้อย ใช้เวลาไปเกือบค่อนวัน จึงย้ายจุดถ่ายทำมายังหลังกำแพงเมือง ในซีนที่ทัพอโยธยาสามารถบุกทลายกำแพงเมืองเข้ามาได้แล้ว ระหว่างย้ายกอง ทั้งอุปกรณ์กล้อง-ไฟ ผู้กำกับฯ "ม.ร.ว. เฉลิมชาตรี ยุคล" (คุณชายอดัม) ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานในฉากนี้ว่า… "จริงๆในซีซั่นที่สามมีฉากรบเยอะมาก ทำงานยากแต่เราก็เตรียมทุกอย่างพร้อม อุปสรรคมันมีอยู่ตลอดครับ เราหอบทีมงานกว่า 130 ชีวิต และเพิ่มขึ้นนะครับไม่ได้ลดลงเลยนับจากวันบวงสรวงที่เห็นกัน เราไม่ได้ถ่ายทำแบบละคร เราถ่ายแบบหนังใหญ่ ใช้ระยะเวลาเท่าการถ่ายละครแบบในบ้านง่ายๆ ทั่วไป แต่คุณภาพเรามากกว่าทุกทาง การจับเอาคนเก่งๆ มารวมกันแล้วทำงาน มันต้องมีความละเอียดรอบคอบ ซึ่งมันใช้เวลาทั้งสิ่น สิ่งเหล่านี้ผมว่ามีค่ามากกว่างบประมาณนะ นักแสดงมีการบาดเจ็บแทบจะทุกคิว อย่างเมื่อวานเตรียมตัวซ้อมถ่าย เจ้าตัวก็ลืมตัวดันใส่ชุดเกราะเหล็กหนักสองกิโลกว่า โดดลงน้ำไปหายจ๋อมเลย ก็ช่วยกันทุลักทุเลครับ บางคนก็โดนไม้ใต้น้ำบาดกันก็เป็นธรรมดา การทำงานก็ต้องตีความให้ตรงและเหมาะสม สมเด็จพระนเรศวรท่านเป็นกษัตริย์ที่เป็นผู้นำ ทุกอย่างก็ต้องลุยตาม นักแสดงทุกคนเข้าใจตรงนี้เป็นอย่างดี ผมอาจจะปวดหัวแต่พวกเขาอาจจะปวดตัว
โทนของซีซั่นที่สามจะมีดราม่ามากว่าซีซั่นสอง ซีซั่นสองเริ่มมีความลึกของตัวละคร แต่ความรู้สึกของบุคคลสำคัญในประวัติศาตร์ต่างหากที่น่าจะนำมาทำซีรีส์ เพราะฉะนั้นซีซั่นที่สามเราจะเห็นความเจ็บปวด ความทะเยอทะยาน ความบ้าระห่ำ สิ่งเหล่านี้จะเห็นเยอะขึ้นมากขึ้น ซีซั่นสอง(ภาคประกาศอิสรภาพ) อยู่ในขั้นตอนการปรับให้กระชับและ ดูง่ายขึ้น น่าจะได้ดูกันช่วงต้นปี 2061 นี้ครับ และอาจจะฉายซีซั่นสามต่อถัดไปอีกสักสี่ห้าเดือน เตรียมรับชมได้เลยครับ"