ThaiBev ผ่าน บริษัท เวียดนาม เบฟเวอเรจ จำกัด ซึ่ง ThaiBev ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 49 เป็นผู้ชนะการประมูลซื้อหุ้นสามัญของ Sabeco โดยใช้เงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 110 ล้านล้านดองเวียดนาม หรือประมาณ 1.56 แสนล้านบาท ซึ่งต้องชำระภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2560 โดยมีแหล่งเงินทุนมาจากการเพิ่มทุนและเงินให้กู้ยืมจาก ThaiBev ซึ่ง ThaiBev ได้รับการสนับสนุนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินหลายแห่ง
ฟิทช์ประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบในระหว่างรอการพิจารณาแผนการดำเนินงานและแผนการเงินที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อหุ้น Sabeco ซึ่งจะใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมเป็นหลัก ฟิทช์คาดว่าจะพิจารณาอันดับเครดิตของบริษัทฯ และยกเลิกเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบเมื่อรายการดังกล่าวเสร็จสิ้น และฟิทช์มีข้อมูลเพียงพอสำหรับประเมินความเสี่ยงจากอัตราส่วนหนี้สินที่น่าจะสูงขึ้นของบริษัทฯ เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับจากการกระจายธุรกิจไปยังประเทศเมียนมาและเวียดนาม โดยผลกระทบในทางลบต่อสถานะทางการเงินของบริษัทฯ อาจจะได้รับการชดเชยบางส่วนจากสถานะทางธุรกิจที่ดีขึ้นจากการที่ธุรกิจมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีการกระจายตัวของแหล่งรายได้ที่ดีขึ้น
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
อัตราส่วนหนี้สินที่สูง – จากการประมาณการเบื้องต้น ฟิทช์คาดว่าการลงทุนของ ThaiBev ใน Sabeco อาจส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) ปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่าระดับ 4 เท่าได้ในช่วงสี่ปีข้างหน้า จาก 1.2 เท่า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2560 โดยอัตราส่วนในระดับดังกล่าวถือว่าค่อนข้างสูงสำหรับบริษัทฯ ที่มีอันดับเครดิตในช่วง 'BBB' อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เชื่อว่าบริษัทฯ จะมีแผนในการลดอัตราส่วนหนี้สิน โดย บริษัทฯ เคยแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีความสามารถและความตั้งใจที่จะรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำภายหลังจากการเข้าซื้อกิจการ Fraser and Neave, Limited ในปี 2555
การขยายธุรกิจภายในภูมิภาค – ฟิทช์มองว่าการที่ ThaiBev ขยายธุรกิจไปธุรกิจสุราในประเทศเมียนมา และธุรกิจเบียร์ในประเทศเวียดนามจะช่วยลดการกระจุกตัวของแหล่งที่มาของรายได้จากของธุรกิจในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ในการประเมินกระแสเงินสดที่ ThaiBev จะได้รับจาก Sabeco ฟิทช์ต้องรอความชัดเจนในเรื่องเกี่ยวกับส่วนได้ส่วนเสียทางเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงกันระหว่าง Sabeco และ ThaiBev
ผู้ผลิตเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย – อันดับเครดิตของ ThaiBev ได้รับการสนับสนุนจากการเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มในประเทศ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 90 ของปริมาณการจำหน่ายสุรา และร้อยละ 40 ของปริมาณการจำหน่ายเบียร์ในประเทศ ในปี 2559 ฟิทช์คาดว่า ThaiBev จะสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ได้ในช่วงสามปีข้างหน้า โดยได้รับการสนับสนุนจากความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งทั้งในด้านขนาดธุรกิจและเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้า นอกจากนี้ กฎเกณฑ์ข้อบังคับเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เข้มงวดของประเทศไทย มีส่วนในการสร้างอุปสรรคในการเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ประกอบการรายใหม่ ปัจจัยสนับสนุนต่างๆ เหล่านี้ช่วยให้ ThaiBev สามารถรักษา EBITDA Margin ไว้ได้ที่ระดับสูงกว่าร้อยละ 50 สำหรับกลุ่มธุรกิจสุราในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ EBITDA Margin ของกลุ่มธุรกิจอื่นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า ส่งผลให้ EBITDA Margin โดยรวมของบริษัทฯ อยู่ในระดับร้อยละ 30-35 ของรายได้สุทธิหลังหักภาษีสรรพสามิต
เครือข่ายการจัดจำหน่ายในประเทศที่แข็งแกร่ง – เครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศที่แข็งแกร่งของ ThaiBev น่าจะยังคงสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญให้แก่บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง และเป็นอุปสรรคในการเข้าสู่อุตสาหกรรมของผู้ประกอบการรายใหม่ บริษัทฯ สามารถที่จะบริหารเครือข่ายการจัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรถขนส่งจำนวน 7,000 คัน และมีจุดจำหน่ายสินค้ามากกว่า 400,000 จุดทั่วประเทศ โดยสามารถใช้ร่วมกันได้กับเครื่องดื่มทุกชนิดในกลุ่มของบริษัทฯ ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ในประเทศไทยมีลักษณะกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยกลุ่มร้านค้าปลีกรายย่อยแบบดั้งเดิมยังคงเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีสัดส่วนการจำหน่ายสูงที่สุด ดังนั้นการเข้าถึงตลาดทั่วประเทศจึงจำเป็นต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ยาวนาน เครือข่ายที่กว้างขวาง และมีต้นทุนค่าขนส่งที่สูง
รายได้ที่ค่อนข้างมั่นคง – รายได้และกำไรของ ThaiBev มีความผันผวนต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย นอกจากนี้ การขายสินค้าที่หลากหลาย ทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และการมีสินค้าหลายระดับราคา มีส่วนช่วยให้บริษัทฯ มีความยืดหยุ่นในการรองรับการปรับเปลี่ยนรสนิยมในการบริโภคของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ข้อบังคับต่างๆ หรือสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา ส่วนธุรกิจอาหารของ ThaiBev ก็มีรายได้ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอเช่นกัน แม้ว่าจะมีสัดส่วนน้อยกว่าร้อยละ 5 ของรายได้รวมของบริษัทฯ
การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
อันดับเครดิตของ ThaiBev ที่ระดับ 'BBB' สะท้อนถึงสถานะในการแข่งขันที่มีลักษณะเฉพาะ โดยมีความได้เปรียบในการแข่งขันที่สูงมากเป็นพิเศษ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในธุรกิจสุราในประเทศที่มั่นคง และมีอัตราส่วนหนี้สินที่อยู่ในระดับต่ำ จุดแข็งเหล่านี้สามารถช่วยชดเชยข้อจำกัดในด้านการกระจุกตัวของรายได้และสินค้าจากภายในประเทศเป็นหลัก เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ ที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิตที่ 'BBB' ซึ่งโดยทั่วไปผู้ผลิตเหล่านี้จะมีการกระจายตัวของแหล่งรายได้ในหลากหลายประเทศ และมีแบรนด์สินค้าที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ดังนั้น สถานะในการแข่งขันที่มีลักษณะเฉพาะและการมีอัตราส่วนหนี้สินที่อยู่ในระดับต่ำของ ThaiBev จึงสามารถชดเชยข้อจำกัดด้านขนาดและการกระจุกตัวของรายได้เพียงในประเทศ ทำให้ ThaiBev มีอันดับเครดิตที่เท่ากับ Anheuser Busch InBev NV/SA (อันดับเครดิต BBB แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) และ Carlsberg Breweries A/S (อันดับเครดิต BBB แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) และมีอันดับเครดิตที่สูงกว่า Pernod Ricard S.A. (อันดับเครดิต BBB- แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) เมื่อเปรียบเทียบกับ Becle, S.A. de C.V. (อันดับเครดิต BBB+ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) Becle มีขนาดธุรกิจที่เล็กกว่า ThaiBev แต่มีอันดับเครดิตที่สูงกว่า เนื่องจาก Becle มี กระจายตัวของรายได้ที่ดีจากการจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทเตกีล่าในตลาดทั่วโลก และมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งกว่า
อัตราส่วนหนี้สินของ ThaiBev อาจปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิตในช่วง 'BBB' จากการเข้าซื้อกิจการ Sabeco ซึ่งเป็นเหตุผลให้ฟิทช์ประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ
สมมุติฐานที่สำคัญ
สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ
ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยลบ:
ปัจจัยบวก:
สภาพคล่อง
สภาพคล่องอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้: ThaiBev มีหนี้ที่ครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้านับจากสิ้นเดือนกันยายน 2560จำนวน 3.1 หมื่นล้านบาท โดยสภาพคล่องของ ThaiBev ส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากเงินสดในมือจำนวน 9.9 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2560 กระแสเงินสดสุทธิ 7-8 พันล้านบาทต่อปี และความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำจากธนาคาร เนื่องจาก บริษัทฯ มีความน่าเชื่อถือและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันการเงินในประเทศ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit