นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI เปิดเผยว่า คาดแนวโน้มผลประกอบการปี 2560 จะดีกว่าที่ได้คาดหมายไว้มาก มีโอกาสเติบโตสูงสุดในรอบ 10 ปีและสูงสุดเป็นอันดับสองในรอบ 33 ปีของบริษัทฯ โดยแนวโน้มผลประกอบการที่ดีมากนี้ สาเหตุหลักมาจากราคาโลหะสังกะสีโลกในปีนี้ที่ปรับตัวสูงกว่าระดับ 3,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยราคาเฉลี่ยทั้งปี 2,884 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยของปี 2559 ที่ 2,091 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้และทำกำไรได้อย่างเต็มที่จากสต็อกโลหะสังกะสีที่ผลิตจากแร่เหมืองแม่สอดที่มีต้นทุนต่ำมากที่มีอยู่จำนวนกว่า 30,000 ตันซึ่งได้กระจายการจำหน่ายให้กับลูกค้าในประเทศ นอกจากนี้พีดีไอยังสามารถบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและรับรู้รายได้มากขึ้นจากธุรกิจใหม่ด้านพลังงานทดแทน
"ผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือน พีดีไอมีกำไรสุทธิ 637 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าทั้งปี 2559 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 478 ล้านบาท ผลประกอบการที่ดีและมีกำไรสะสมอย่างต่อเนื่อง ทำให้พีดีไอมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งมากและมีกระแสเงินสดจำนวนมากที่พร้อมในการลงทุนโครงการใหม่ๆ แม้ว่าจะมีการนำไปใช้ในการลงทุนซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์หรือโซลาร์ฟาร์ม 6 แห่งกำลังการผลิตรวม 30 เมกะวัตต์ มูลค่า 1,300 ล้านบาทในเดือนกันยายนที่ผ่านมาแล้วก็ตาม" นายฟรานซิสกล่าว
นายฟรานซิส กล่าวต่ออีกด้วยว่า การยุติธุรกิจสังกะสีในกระบวนการผลิตแบบเดิมใกล้จะเสร็จสิ้นลงในปีนี้ โดยเป็นไปด้วยความราบรื่นและบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย ก่อนการปรับสู่ธุรกิจการค้าเทรดดิ้งโลหะสังกะสีแบบเต็มตัวในปีหน้า ทั้งนี้ บริษัทฯ มีพัฒนาการอย่างชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจสังกะสีเข้าสู่ธุรกิจสีเขียวที่สร้างความโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นในธุรกิจพลังงานทดแทน บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและวัสดุรีไซเคิล รวมถึงการเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจก็อยู่ในการพิจารณาลงทุนของบริษัทฯ เช่นกัน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit