โดยครั้งนี้ยังได้นักแสดงมากความสามารถ เนย-วรัฐฐา อิมราพร และ แจม-ชรัฐฐา อิมราพร พร้อมด้วยนักแสดงสมทบมากว่า 50 ชีวิต ที่ได้พร้อมใจมาร่วมถ่ายทอดบทเพลงครั้งสำคัญ กับเรื่องราวของนครแห่งหนึ่งมีนามว่า นครรากฟ้า ด้วยใจกลางเมือง มีรากจากฟ้าหยั่งลงมาสู่ดิน และเป็นพลังที่สั่งสมให้คนในนครทำกิน หาเลี้ยงหาอยู่อย่างพอเพียง นคร แห่งนี้ มีกลุ่มชน ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน โดย แบ่งออกเป็นตระกูลนภาลัย(รากฟ้า) และ ฝ่ายธรนินท์(แสงดิน) และมี เจ้านคร ซึ่งกำลังประสงค์จะสืบสานการปกครองสู่ทายาท ที่จะเป็นผู้ดูแลนครต่อไป ชาวนครมีความเชื่อในรากที่งอกจากฟ้าและเหยียดรากลงสู่ผืนดิน ว่าจะเป็นแรงพลังแห่งการสร้างความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านอย่างยั่งยืน หากแต่ว่าต่อมา เมื่อความละโมภของคนบางกลุ่มได้เข้ามาทำให้ชาวนครรากฟ้าลุ่มหลงในความรุ่มรวย จนละลืมวิถีชีวิตความศรัทธาที่เคยมี และได้ทำลายรากฟ้าลง เมื่อรากฟ้าได้สูญสิ้นไป นครได้ตกอยู่ในความมืดมน แล้งไร้ทั้งข้าวปลาอาหารและน้ำใจที่มีต่อกัน อันนำไปสู่ความขัดแย้งของสองตระกูลท้ายที่สุดทุกคนในนครต่างได้บทเรียนและเพียรพยายามร่วมไขว่คว้าที่จะรักษาพลังใจในการฟื้นฟูรากนั้นกลับคืนมา และทุกคนได้รู้ว่าหนทางที่จะทำได้คือการรวมแสงแห่งดินที่คงมีอยู่ โดยการหล่อหลอมรวมกันเป็นพลังแผ่นดิน โดยถ่ายทอดและสืบสารด้วยบทเพลงพระราชนิพนธ์กว่า30 เพลง อาทิ เพลงใกล้รุ่ง, สายฝน, ชะตาชีวิต, แสงเทียน, ค่ำแล้ว, แผ่นดินของเรา, ยิ้มสู้, แก้วตาขวัญใจ, ภิรมย์รัก, แสงเดือน, ลมหนาว และอีกหลายบทเพลงผ่านตัวนักแสดงได้อย่างไพเราะและถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างประทับใจถึง 2 รอบการแสดงด้วยกัน ณ โรงละครเดอะบาซาร์ เธียเตอร์ ชั้น Cสวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาภิเษก