ห้องหมายเลข ๙ กับคอนเซ็ปต์ Gallery & Library เรื่องราวที่บอกเล่าผ่านทางสายตาแต่ส่งตรงไปถึงความรู้สึก โดยคุณศักดิ์ชัยได้ให้คำอธิบายของคอนเซ็ปต์นี้ว่า "การเล่าเรื่องก็จะนึกถึงหนังสือ และภาพก็นึกถึงกล้อง ผมจึงอยากจำลองให้ห้องแห่งนี้เป็นทั้ง Gallery และ Library ผ่านคอนเท้นต์ที่เข้าใจง่าย พอคนเห็นก็เข้าใจได้เลย ไม่ต้องตีความ เพราะเชื่อว่าทุกคนก็จะรู้สึกเหมือนกัน" และแน่นอนการจัดนิทรรศการนั้น ทุกสิ่งที่เห็นล้วนมีความหมายที่ศิลปินอยากจะถ่ายทอดและสื่อสารกับผู้ที่เข้ามาชมทุกท่าน ซึ่งคุณศักดิ์ชัยก็ได้อธิบายต่อถึงคอนเซ็ปต์และรูปแบบของห้องที่ได้จัดทำเป็นรูปวงรีรูปทรงของดวงตา และตู้จัดแสดงตรงกลางดวงตาคือหมายเลขเก้าไทย เพื่อสื่อถึง สายพระเนตรแห่งความเมตตา ซึ่งไม่ว่าใครที่ได้ย่างกรายเข้ามาในนิทรรศการนี้ก็ย่อมจะสัมผัสได้ถึงสายพระเนตรแห่งพระเมตตาของในหลวงรัชกาลที่ 9 "ห้องวงรีที่ล้อมรอบไปด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ ทำให้ในทุกๆ ฝีก้าวที่คุณเดินอยู่ในห้องนี้ คุณก็จะสัมผัสได้ว่าท่านทรงทอดพระเนตรเราอยู่ พระองค์ท่านไม่ได้จากไปไหนเลย ซึ่งก็เหมือนในทุกๆ วันที่คุณมีชีวิตอยู่ พระองค์ทรงทอดพระเนตรเราอยู่ เมื่อปฏิบัติตามคำสอนที่ทรงคุณค่าของพระองค์ ทำความดีในทุกๆวัน เราก็จะรู้สึกว่าเราอยู่ใกล้กับพระองค์เสมอ"
พระบรมฉายาลักษณ์ คือ รูปที่มีทุกบ้าน ของรักของหวงของคนไทย ที่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรวบรวมมาได้ กว่าจะรังสรรค์ออกมาให้ได้องค์ประกอบที่สวยงาม นอกจากการหยิบยืมภาพจากเหล่านักสะสมแล้ว สิ่งที่ท้าทายคือ การดูแลเก็บรักษา การจัดวาง การแขวนภาพ แสงสีที่ใช้ประกอบนิทรรศการที่เหมาะสมและไม่ทำลายภาพ เพราะรูปหลายรูปค่อนข้างเก่า มีความบอบบาง และทุกภาพที่รวบรวมมาล้วนมีคุณค่ากับเจ้าของภาพทั้งสิ้น จึงจำเป็นต้องนำทีมผู้เชี่ยวชาญในทุกๆด้านเข้ามาช่วย รวมไปถึงการสนับสนุนจากบริษัท พรีเมียร์ ไลท์ติ้ง โซลูชั่นส์ ที่ติดตั้งโคมไฟอัจฉริยะSALIOT ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครบริเวณพื้นที่จัดนิทรรศการชั้น 8 ซึ่งเป็นโคมไฟLED จึงไม่เป็นอันตรายต่อผลงานศิลปะ ซึ่งเป็นการเข้ามาช่วยลดอุปสรรคของการจัดนิทรรศการในครั้งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยคุณศักดิ์ชัยได้กล่าวถึงความพิถีพิถันในการจัดไฟบริเวณ ห้องหมายเลข ๙ ไว้ว่า "เป็นความโชคดีที่เราได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในการจัดเรียงแขวนรูป และในการจัดแสงทำ Illuminationต่าง ๆ เขาก็มาปรับให้ผมดูว่าแสงต้องการประมาณไหน เพราะเราอยากได้แบบเป็นแสงบรรยากาศไม่ต้องเป็นแบบ Spotlight ซึ่งเขาก็มาด้วยเครื่องมือไฮเท็คมาก มีแอปจัดไฟจากในไอแพด สามารถควบคุมโดยตรงตามต้องการได้เลย เพราะแสงที่ตั้งไว้จะเป็นไปตามช่วงเวลาต่าง ๆ ตอนเช้าจะเป็นแสงอีกแบบหนึ่ง ตอนกลางคืนจะเป็นอีกแบบหนึ่ง"
เราทุกคนโชคดีที่ครั้งหนึ่งได้เกิดมาอยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และนี้ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญที่พลาดไม่ได้กับ นิทรรศการ "พระราชาในดวงใจ" ที่มีไม่บ่อยนักที่คนไทยจะได้ชมภาพที่หาดูยากและเป็นของรักของหวงของบุคคลหลายท่านที่ถูกนำมารวบรวมไว้ให้เราได้ดู อยากให้ทุกคนเข้ามาชมเพื่อที่จะได้รับพลังบวกและแรงบันดาลใจกลับไปใช้ชีวิตทุกนาทีอย่างมีค่าและเป็นประโยชน์ตามคำสอนของพระองค์ท่าน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit