ประกาศผลแล้ว สำหรับการแข่งขัน S.Pellegrino Young Chef 2018 ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ชนะได้แก่ Jake Kellie จากห้องอาหาร Burnt Ends ประเทศสิงคโปร์

27 Oct 2017
ผ่านไปแล้วสำหรับการแข่งขันรอบ Semi-final ของ S.Pellegrino Young Chef 2560 ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากเชฟรุ่นเยาว์ผู้เข้ารอบ 10 คน ชัยชนะตกเป็นของ เชฟหนุ่ม Jake Kellie จากห้องอาหาร Burnt Ends ประเทศสิงคโปร์ และ Jake Kellie จะเป็นตัวแทนจากภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ในการเข้าแข่งขันรอบ Grand Finale เพื่อเป็นสุดยอดเชฟรุ่นใหม่ระดับโลกในวันที่ 11-13 พฤษภาคม 2561 ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี
ประกาศผลแล้ว สำหรับการแข่งขัน S.Pellegrino Young Chef 2018 ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ชนะได้แก่ Jake Kellie จากห้องอาหาร Burnt Ends ประเทศสิงคโปร์

สำหรับเมนูของเชฟ Jake Kellie ที่ใช้ในการแข่งขันคือ "Aged Pigeon" ซึ่งชนะใจกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และเอาชนะคู่แข่งทั้ง 9 คน จากสิงค์โปร์, อินโดนีเซีย มัลดีฟส์, อินเดีย, ประเทศไทย และมาเลเซีย

การแข่งขัน S.Pellegrino Young Chef 2018 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2560 ที่ Asian Culinary College of Lifelong Learning, Nanyang Polytechnic ประเทศสิงค์โปร์ โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิดังนี้ เชฟ Richard Ekkebus จากห้องอาหาร Amber โรงแรม แลนด์มาร์ค แมนดาริน โอเรียนเต็ล (The Landmark Mandarin Oriental) ในฮ่องกง, เชฟ Tetsuya Wakuda จากร้านอาหาร Tetsuya's ในออสเตรเลีย และร้านอาหาร Waku Ghin ในสิงคโปร์, เชฟ Mingoo Kang จากร้านอาหาร Mingles ในเกาหลี, เชฟ Chele Gonzalez จากร้านอาหาร Gallery VASK ในฟิลิปปินส์ และเชฟ Vicky Lau จากร้านอาหาร Tate Dining Room & Bar ในฮ่องกง โดยการตัดสินและคัดเลือกเพื่อเฟ้นหาผู้เข้ารอบ Semi-Final นั้นใช้เกณฑ์การตัดสิน "Five Golden Rules" ได้แก่ วัตถุดิบที่เลือกใช้, ทักษะและความสามารถ, สติปัญญาและความเฉียบแหลม, ความสวยงาม และความหมาย (ingredients, skills, genius, beauty, and message)

Jake Kellie เชฟหนุ่มวัย 27 ปี ที่เริ่มต้นเส้นทางการเป็นเชฟในปี 2554 และกลายเป็นเชฟที่มีชื่อเสียงในออสเตรเลียอย่างรวดเร็ว เขาได้รับรางวัล "The Age Young Chef of the Year" ติดกันถึง 2 ปีซ้อน ในปี 2558 และ ปี 2559 ก่อนเข้ามาร่วมงานกับร้านอาหาร Burnt Ends ที่สิงค์โปร์ ในฐานะหัวหน้าเชฟ ในปีนี้

เมนูเด่นของ Jake Kellie ที่ใช้แข่งขัน สื่อสารปรัชญาการทำอาหารของเขาได้แก่: ความเรียบง่าย, เทคนิคในการทำ และวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุง (simplicity, technique and produce) โดยเขาเลือกใช้นกพิราบ วัตถุดิบที่เขาโปรดปรานเป็นหลัก นั่นคือนกพิราบ นำมาบ่มกับใบพริกไทย, ฟางแห้ง และสตอเบอรี่ กัม (strawberry gum) เป็นเวลา 2 อาทิตย์ เชฟ Jake Kellie เลือกใช้วัตถุดิบพื้นเมืองของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา อาทิ ดอกไม้, เบอร์รี่ และผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว อาทิ ไรซ์เบอร์รี่ และ แบล็คเบอร์รี่แช่อิ่มกับมะนาวนิ้วมือ (finger limes), บีทรูทอบเกลือกับเมล็ดวัทเทิ้ล (wattle seed) เคล้ากับน้ำจากนกพิราบย่าง และน้ำซุปนกพิราบ ตามด้วยไวน์รสดีอายุ 8 ปีจากทางใต้ของออสเตรเลีย ภาชนะที่ใส่อาหารสั่งทำเป็นพิเศษจากออสเตรเลียเช่นกัน เคลือบด้วยเถ้าจากเตาอบของ Burnt Ends

"ผมดีใจและมีความสุขที่สุด ที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชฟ Richard Ekkebus คือสุดยอดของเชฟ และผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเรียนรู้จากเขา ผมจะเป็นตัวแทนของภูมิภาคนี้ให้ดีที่สุด และจะมุ่งมั่นเพื่อชัยชนะ วันข้างหน้า ผมจะทำเมนูให้พิเศษและสมบูรณ์แบบให้มากที่สุด รวมถึงไม่ลืมจะใส่ความรักและความใส่ใจลงไปในทุกองค์ประกอบ" เชฟ Jake Kellie กล่าวในงานรับรางวัล ด้วยความปิติกับการเป็นผู้ชนะในครั้งนี้

Richard Ekkebus เชฟผู้มีชื่อเสียงและทำให้ห้องอาหาร Amberได้รับรางวัลมากมาย รวมถึงการได้รับเลือกให้เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดอันดับที่ 3 ของเอเชีย จาก Asia's 50 Best Restaurants ในปี 2560 โดย Richard Ekkebus จะเป็นเชฟเมนเทอร์ ผู้ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาให้กับเชฟ Jake Kellie สำหรับการแข่งขันในรอบ Grand Finale

"เป็นการตัดสินที่ถือว่าเป็นเอกฉันท์ เราประทับใจเชฟ Jake Kellie จากความมั่นใจของเขา เขาทำอาหารอย่างมีระบบและใจเย็น และที่สำคัญเมนูของเขามีรสชาติอร่อยและมีเทคนิคในการทำที่ดี มันเป็นเมนูเดียวที่คณะกรรมการทุกคนกินจนหมด ซึ่งไม่ง่ายเลยนะ หลังจากที่คุณชิมอาหารมาตั้ง 10 จานแล้ว" เชฟ Richard Ekkebus กล่าว

"เมนูของเชฟ Jake สามารถถ่ายทอดเรื่องราว และเอกลักษณ์ของประเทศออสเตรเลีย บ้านเกิดของเขาได้อย่างชัดเจนแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสองจะร่วมกันพัฒนาสร้างสรรค์แนวคิดนี้ออกมาให้ดียิ่งขึ้นในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ เพราะการสื่อความหมายและถ่ายทอดเรื่องราวของอาหาร เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการแข่งขันในรอบ Grand Finale โดยเชฟที่จะประสบความสำเร็จนั้น ต้องถ่ายทอดเรื่องราวผ่านอาหารจานนั้น ๆ ได้ดี Jake ได้แสดงฝีมือที่ยอดเยี่ยมในการปรุงให้ได้เห็นกันแล้ว จากนี้จะเป็นการฝึกฝนและพัฒนาในเรื่องการสื่อสารที่จะทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่น ๆ" เชฟ Richard Ekkebus กล่าวเพิ่มเติม หลังจากถูกถามถึงการวางแผนในการแข่งขันรอบ Grand Finale

ภายในเดือนธันวาคม 2560 เชฟรุ่นใหม่ทั้ง 21 คน จาก 21 ภูมิภาค จะได้รับการประกาศให้เป็นผู้เข้ารอบสุดท้ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งแต่ละคนจะได้การฝึกฝนจากเชฟเมนเทอร์ ของพวกเขา เพื่อเตรียมชิงชัยในการแข่งขันรอบ Grand Finale ในเดือนพฤษภาคม ปี 2561 ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับการแข่งขัน S.Pellegrino Young Chef 2018 ได้ที่ www.sanpellegrino.com พร้อมเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกินการดื่ม บนนิตยสารออนไลน์ที่สนับสนุนโดยซานเปลเลกรีโน และอัคควา ปันนา ได้ที่ www.finedininglovers.com

HTML::image( HTML::image( HTML::image(