ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า "สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดยงานส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีศักยภาพสูง ฝ่ายพัฒนาบัณฑิตและนักวิจัย ได้ให้ความร่วมมือแก่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยในการดำเนินการคัดเลือกเยาวชนไทยเข้าร่วมโครงการ JENESYS มาแล้วหลายรุ่น โดยในปีนี้ได้คัดเลือกเยาวชนไทยระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจำนวน 28 คนจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ JENESYS 2017 (1st Batch: Science and Technology Program) ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม - 7 พฤศจิกายน 2560 ณ กรุงโตเกียว และจังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น โดยทางรัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางและเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด ซึ่งเยาวชนดังกล่าวถือเป็นทูตเยาวชนวิทยาศาสตร์ที่จะได้เดินทางไปทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นด้วยการพักอาศัยกับชาวญี่ปุ่นแบบโฮมสเตย์ พร้อมทั้งได้พัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ และแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมของไทยกับชาวญี่ปุ่นและกลุ่มอาเซียนด้วย นับเป็นประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับเยาวชนที่หาไม่ได้จากการเยือนประเทศญี่ปุ่นโดยทั่วไป"
นายชิโร่ เทราชิมา (Mr. Shiro Terashima) เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย กล่าวว่า "โครงการ JENESYS (Japan-East Asia Network of Exchange for Students and Youths) ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่ประสงค์จะให้เกิดการแลกเปลี่ยนเยาวชนระหว่างประเทศญี่ปุ่น ประเทศในกลุ่มอาเซียน และกลุ่มโอเชียเนีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและส่งเสริมการสร้างความเข้าใจในงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่นในภาพกว้างขึ้น โดยโครงการ JENESYS 2017 ในกลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี น้องๆ เยาวชนจะได้ทัศนศึกษาเรียนรู้ตามสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไม่ใช่แค่พาไปเที่ยวชมเท่านั้นแต่จะสอดแทรกและกระตุ้นให้เยาวชนได้ว่าคิดว่าทำไมญี่ปุ่นถึงคิดเทคโนโลยีนั้นขึ้นมา เช่น การนั่งรถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen) รถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น ที่แม้จะมีขบวนวิ่งต่อวันมากถึง 300 เที่ยว แต่ยังสามารถรักษาความตรงต่อเวลาได้ตามกำหนด อย่างมากอาจเลท 2-3 วินาทีเท่านั้น ซึ่งการเลทถึง 50 วินาทีถือเป็นเรื่องใหญ่ของชินคันเซ็นมาก อยากให้น้องๆ คิดว่าทำไมและอย่างไรรถไฟถึงตรงเวลาได้ขนาดนี้ หรืออีกเรื่องคือ เวลานั่งบนรถไฟขบวนจะไม่สั่น น้องๆ อาจทดลองวางแก้วน้ำบนรถไฟ และคิดตามไปด้วยว่าด้วยความเร็วของรถไฟขนาดนี้แต่ทำไมน้ำในแก้วจึงไม่หก เป็นต้น นอกจากรับความสนุกสนานแล้วให้คิดถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลังว่าทำไมถึงเกิดการสร้างเทคโนโลยีเหล่านี้ขึ้นมา ริเริ่มเรียนรู้ด้วยตนเองในแง่มุมของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งระหว่างน้องๆ ร่วมกิจกรรมและภายหลังกลับมาประเทศไทยสามารถนำประสบการณ์ความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่ต่อยังเพื่อนๆ ในโรงเรียนและคนรอบข้าง รวมทั้งผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ตลอดจนเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ศึกษาในสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อไปได้ด้วย"