หัวข้อหลักในการประชุมจะเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพในการสร้างรายได้ของธุรกิจในท่าอากาศยาน ทิศทางของกลุ่มลูกค้า การประเมินสถานการณ์ แนวโน้มที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ของกลุ่มธุรกิจการบินในอนาคต รวมถึงบทบาทในการตั้งรับภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งภาพรวมของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสนามบิน นวัตกรรมใหม่ที่จะนำมาใช้ในภาคธุรกิจ กฎหมายข้อบังคับต่าง ๆ ตลอดจนความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันและผลประโยชน์สูงสุดในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ นอกจากนั้น การประชุมในครั้งนี้จะสร้างมาตรฐานระดับสากลและเป็นแผนแม่บทวิสัยทัศน์ในการดำเนินการธุรกิจในท่าอากาศยานทั่วโลก และผลักดันการดำเนินงาน การประเมินสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ในอนาคต
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า "ประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่งดงาม มีการติดต่อการค้าระหว่างประเทศมาอย่างยาวนาน และมีแนวโน้มในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี ทำให้กรุงเทพฯ ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ต้อนรับและจัดการประชุมที่สามารถดึงดูดผู้ประกอบการชั้นนำทางด้านการค้าปลีกในธุรกิจท่องเที่ยวจากทั่วโลก กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน เดอะ ทรินิตี้ ฟอรั่ม 2017 และได้แสดงศักยภาพพลังของคนไทยที่ยิ่งใหญ่สู่สายตานักธุรกิจชั้นนำจากทั่วโลก โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา คิง เพาเวอร์ ได้ให้บริการนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกกว่า 300 ล้านคน ใน 10 สาขาทั่วประเทศ ประกอบด้วย 4 คอมเพล็กซ์ คือ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และอีก 6 สาขาในท่าอากาศยาน คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต และอู่ตะเพา คิง เพาเวอร์ จึงมุ่งพัฒนาธุรกิจเพื่อให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้สัมผัสถึงประสบการณ์ที่ตรงใจ ภายใต้แนวคิด We are travellers too เราเข้าใจนักเดินทาง เพราะเราก็เป็นนักเดินทางเช่นกัน"
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของการจัดประชุมครั้งนี้ กล่าวว่า "บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริหารและดำเนินงานท่าอากาศยานนานาชาติหลัก 6 แห่งของประเทศไทย ประกอบด้วย สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง และเชียงราย แนวทางการดำเนินงานของท่าอากาศยานไทยมีความสอดคล้องกับแนวนโยบายของประเทศไทยและมีการประเมินบริบทและสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมการบินโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ท่าอากาศยานไทย วางเป้าหมายในองค์กรระยะ 20 ปีข้างหน้าในการที่จะเป็น องค์กรที่สนับสนุนการเชื่อมโยงการขนส่งทางอากาศ และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างยั่งยืน โดยมีวิสัยทัศน์ที่วางกรอบการพัฒนาธุรกิจระยะ 5 ปี คือ "ทอท.เป็นผู้ดำเนินการและจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก: การมุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการโดยคำนึงถึงความปลอดภัย และสร้างรายได้อย่างสมดุล" ซึ่งเน้นย้ำความสำคัญของท่าอากาศยานในฐานะที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความมั่งคั่งของประเทศ และจุดมุ่งเน้นของธุรกิจที่ท่าอากาศยานไทยให้ความสำคัญภายใต้กรอบทิศทางการดำเนินงาน AOT Strategy House ที่ขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Growth ขององค์กร"
ด้าน มาร์ติน มูดดี้ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร Moodie Davitt Report หนึ่งในผู้จัดประชุมครั้งนี้ กล่าวว่า "เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้จัดการประชุม เดอะ ทรินิตี้ ฟอรั่ม 2017 อีกครั้งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เป็นแค่เมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจ และเต็มไปด้วยสีสัน แต่ยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายที่สำคัญทางการค้าปลีกของการท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งนับว่าเป็นความภาคภูมิใจของผู้ร่วมจัดงานในปีนี้ ทั้ง คิง เพาเวอร์ และการท่าอากาศยานไทย ที่เสียสละเวลา และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมในการร่วมมือกันพัฒนาเพื่อที่จะนำไปสู่ความเป็นเลิศ อีกทั้งแสดงถึงสปิริตที่ดีของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด อันเป็นรากฐานของแนวคิดไตรภาคีเป็นอย่างดี"
งานประชุมระดับโลกครั้งนี้จะมีผู้นำภาคธุรกิจกว่า 400 คน ประกอบด้วยผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและค้าปลีกชั้นนำจากทั่วโลก ผู้ประกอบการในสนามบิน กลุ่มที่ได้รับสัมปทานดูแลท่าอากาศยาน กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้า และบริษัทที่จัดจำหน่ายแบรนด์ชั้นนำระดับโลกต่าง ๆ อาทิ บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทการท่าอากาศยานไทย สนามบินชางงี สนามบินฮ่องกง DFS กลุ่มบริษัทปลอดภาษีของประเทศจีน บริษัท Oreal Diageo บริษัท Estee Lauder และ Remy Cointreau เป็นต้น เพื่อเข้าร่วมการประชุมสัมมนาเป็นเวลา 3 วัน และได้มีโอกาสแบ่งปันข้อมูลเชิงลึก และหาแนวทางความร่วมมือเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยมีความมุ่งหวังจะขับเคลื่อนและพัฒนาให้เกิดรายได้เชิงพาณิชย์ในภาคธุรกิจ และเพื่อให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มนักเดินทางได้รับผลประโยชน์สูงสุด
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit