"มันเป็นโอกาสที่ผมจะได้ดื่มด่ำไปกับอีกโลกหนึ่ง อีกวัฒนธรรมหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าคือวัฒนธรรมแอสการ์ดที่ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของมันมานานหลายปีแล้ว ตั้งแต่ผมเป็นเด็ก ผมก็ฝันและจินตนาการถึงการมาจากอวกาศ การเป็นไวกิ้งอวกาศ การเป็นชาวแอสการ์ด ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของโลกภาพยนตร์มาร์เวลและโลกการ์ตูนมาร์เวลเลยล่ะครับ"
ไม่เพียงแต่ไวทีติจะเกิดแรงบันดาลใจในฐานะแฟนแล้ว แง่มุมความคิดสร้างสรรค์ของเขายังพร้อมรับความท้าทายที่จะทำในสิ่งใหม่ๆ ที่แตกต่างออกไปอีกด้วย
"ผมมาจากแบ็คกราวน์ที่ไม่โด่งดังและผมก็เป็นที่รู้จักจากการเล่าเรื่องอิสระหรือการเล่าเรื่องภายใต้งบประมาณที่ไม่สูงนักมากกว่า"ผู้กำกับให้ความเห็น "ผมสร้างชื่อในวงการนั้นและผมก็คิดว่าได้เวลาที่ผมจะขยับขยายเสียที ในตอนที่โลกขยายตัวออก โลกมาร์เวลก็เช่นกัน รวมถึงความต้องการของผมในฐานะคนทำงานสร้างสรรค์ ผู้กำกับและนักเล่าเรื่องด้วย ความต้องการของผมคือการขยายประสบการณ์และการเล่าเรื่องของผมครับ"
แนวทางการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ของไวทีติไม่เพียงอยู่ที่การนำความคิดอ่านที่น่าขบขันที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาใส่ลงไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการ "มีสมดุลหรือการผสมผสานที่หวังว่าจะฮาสุดๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่มีความอบอุ่น เข้าถึงได้และมีความเชื่อมโยงกับผู้ชมในระดับที่ลึกซึ้งลงไปครับ"
ผู้กำกับกล่าวต่อว่า "ผมคิดว่าแนวทางการสร้างหนังเรื่องนี้ของผมจะแตกต่างจากสองภาคแรกมากๆ และมาร์เวลก็เห็นด้วย สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมสนใจโปรเจ็กต์นี้คือตอนที่มาร์เวลบอกว่าพวกเขาอยากจะเปลี่ยนแปลงแฟรนไชส์นี้ พวกเขาอยากจะนำธอร์ไปในทิศทางใหม่ และพาเขาไปอยู่ในอวกาศ โดยที่ใช้เวลาอยู่บนโลกให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พวกเขาอยากจะทำให้เขาสนุกและได้ผจญภัยครับ"
ไวทีติอธิบายถึงความหมายของคำว่า แร็คนาร็อกว่า "แร็คนาร็อกมาจากเทพปกรณัมนอร์สและมันก็เหมือนกับจุดจบของโลก หายนะโลกหรือการสิ้นโลก แต่ผมคิดว่าแร็คนาร็อกสื่อถึงการถือกำเนิดใหม่ มันเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรใหม่ วงจรใหม่ในชีวิตของโลกหรือดินแดนต่างๆ ในจักรวาล ผมมองว่ามันเป็นการทำลายล้างสิ่งเก่าและการถือกำเนิดสิ่งใหม่ครับ"
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้กระทั่งบรูซ แบนเนอร์/ฮัลค์ ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของแร็คนาร็อกสำหรับไวทีติ
"สำหรับผม แบนเนอร์คนเก่าได้ตายไปแล้ว และถือกำเนิดใหม่เป็นแบนเนอร์คนใหม่ ที่มีพลังเหลือล้น ช่างสงสัยและชื่นชอบการผจญภัย" ผู้กำกับกล่าว "มาร์ค รัฟฟาโร่จะนำในสิ่งที่แตกต่างมากๆ มาสู่บรูซ ที่เราได้รู้จักมาจากหนังเรื่องอื่นๆ ในตอนที่เขากลับมาจากการเป็นฮัลค์ในที่สุด เวลาก็ผ่านไปสองปีแล้วตั้งแต่เขาได้เป็นบรูซ แบนเนอร์จริงๆ ดังนั้น ในแง่หนึ่ง บรูซก็ถูกขังอยู่ในจิตใต้สำนึกของฮัลค์มาสองปีแล้วครับ"
ตัวละครใหม่ตัวหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้คือเฮล่า ที่รับบทโดยเคท บลันเชตต์ เฮล่ามีสถานะพิเศษในโลกภาพยนตร์มาร์เวล อย่างที่ตัวผู้กำกับอธิบายว่า "เฮล่าเป็นตัวร้ายหญิงคนแรกที่เรามีในหนังมาร์เวล เธอจะทำลายไอเดียที่คุณมีเกี่ยวกับวายร้ายตามแบบฉบับครับ เธอไม่เพียงแต่สวยและมีคุณสมบัติแบบที่คุณจะคาดหวังจากวายร้ายหญิงเท่านั้น เธอเซ็กซี ตลก น่าทึ่งและดูน่ามหัศจรรย์ แต่เธอก็ยังมีข้อบกพร่องและเป็นคนที่ทุกข์ทรมานใจด้วย ตัวเธอมีอะไรหลายอย่างมากกว่าวายร้ายตามแบบฉบับที่คุณได้เห็นในหนังประเภทนี้ เธอไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่การยึดครองโลกหรือจักรวาลเท่านั้น แต่เธอต้องการสิ่งที่ผมคิดว่าหลายคนก็สามารถเข้าใจได้ ซึ่งก็คือการเป็นที่จดจำ น่ะครับ"
อีกหนึ่งตัวละครใหม่คือวัลคีรี ที่รับบทโดยเทสซ่า ธอมป์สัน "วัลคีรีเป็นหนึ่งในตัวละครที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากการ์ตูนเรื่อง Thor ครับ" ไวทีติกล่าว "เธอเป็นหญิงแกร่งจากชนชั้นนักรบ มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ เพราะแฟนๆ รอคอยตัวละครตัวนี้มานานแล้ว และมันก็น่าทึ่งที่เราสามารถมอบเธอให้กับพวกเขาได้"
ไวทีติกล่าวถึงแกรนด์มาสเตอร์ อีกหนึ่งตัวละครใหม่ ที่รับบทโดยเจฟฟ์ โกลด์บลูมว่า "แกรนด์มาสเตอร์เป็นตัวละครที่วิเศษสุด เขาเป็นตัวละครที่ค่อนข้างแปลกและเป็นนักเล่นเกมนิดๆ หนึ่งในเรื่องใหญ่ที่เขาจะทำในฉบับการ์ตูนคือสิ่งที่เรียกว่าการประลองแชมเปี้ยน ที่คุณจะนำฮีโรคนโปรดของคุณมาสู้กันและทำให้พวกเขาเล่นเกมหรือต่อสู้กัน เรานำเสนอมันในแบบของเรา ตรงที่เขาเป็นผู้ปกครองดาวซาคาร์ ซึ่งเป็นดาวที่ธอร์พลัดไปอยู่ และธอร์ก็ต้องต่อสู้แชมเปี้ยนคนแล้วคนเล่าเพื่อที่จะได้ออกจากดาวซาคาร์และได้อิสรภาพกลับคืนมา ดังนั้น การที่ธอร์จะได้อิสรภาพกลับคืนมา เขาก็จะต้องสู้กับเพื่อนเก่าของเขา ฮัลค์จอมพลังครับ"
ใน "Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า" ทอม ฮิดเดิลสตันและคริส เฮมสเวิร์ธกลับมารับบท โลกิและธอร์อีกครั้ง "ความสัมพันธ์ระหว่างสองพี่น้องคล้ายกับเมื่อก่อน ที่มีการทะเลาะกันบ่อยๆ แต่ผมคิดว่า ภายใต้ปัญหาเหล่านั้นยังมีความรักด้วยครับ"
ไวทีติกล่าว "ถ้าคุณนึกถึงความสัมพันธ์ครอบครัว มันจะมีความสัมพันธ์แบบนั้นเสมอ มันเป็นความสัมพันธ์กับคนที่คุณรู้จักดี เกือบจะดีกว่าตัวเองด้วย คนที่เป็นทั้งเพื่อนรักที่สุดและศัตรูตัวฉกาจที่สุดของคุณ และความสัมพันธ์นั้นก็ดำเนินต่อไป เราจะได้เห็นพัฒนาการบางอย่างที่พวกเขาจะไว้ใจกันมากขึ้นนิดหน่อยครับ"
ธอร์ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในภาคใหม่นี้และไวทีติก็บอกเป็นนัยๆ ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นว่า "ในหนังเรื่องนี้ คุณจะได้เห็นธอร์ในแบบที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน เขาหยาบคาย รักการผจญภัย เขาเป็นทุกอย่างที่เราจะรัก แต่เราก็เพิ่มเติมอะไรหลายๆ อย่างเข้าไป เราขยายตัวเขาออกไปมากขึ้นครับ"
การร่วมงานกับคริส เฮมสเวิร์ธเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับตัวผู้กำกับ ผู้กล่าวถึงนักแสดงหนุ่มว่า "เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับคริสในหนังเรื่องนี้และให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด ซึ่งก็คืองานหลายๆ อย่าง ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นดาราแอ็กชันคนเก่งเท่านั้นแต่เขายังเป็นนักแสดงคนเก่งด้วย เขามีไอเดียเยี่ยมๆ มากมายและเขาก็แคร์ตัวละครนี้จริงๆ คริสรับได้ทั้งหมด เขาเผยตัวตนทั้งหมดของเขาบนหน้าจอ เขาเผยหัวใจของเขาออกไป เขาเป็นมือโปรและเพอร์เฟ็กชันนิสต์ครับ"
"ผมชอบสิ่งที่คริสทำกับธอร์ ผมชื่นชอบความตื่นเต้นและความลุ้นระทึกที่เกิดขึ้นกับเราจากการได้เห็นเขาต่อสู้ ขว้างค้อน เหาะและทำในเรื่องเหนือมนุษย์ทั้งหลาย แต่เขาก็ทำให้ตัวละครตัวนี้มีความเป็นมนุษย์และเข้าถึงได้ในหนังเรื่องนี้ด้วยครับ" ไวทีติกล่าวสรุป
ไวทีติมีสไตล์ในกองถ่ายที่ทำให้เกิดความสามัคคีกันตั้งแต่เริ่มแรก เขาอธิบายถึงวิธีการที่เขาทำให้ทุกคนมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันว่า "ทุกคนในกองถ่ายเป็นคนสำคัญและเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการนี้ครับ ดังนั้น ผมก็เลยพยายามจะปลูกฝังความรักและความภาคภูมิใจในสิ่งที่เราทำเข้าไปและทำให้กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างมีความสุข ผมเคยได้ยินเรื่องของกองถ่ายที่ทุกคนจะตึงเครียด และมักจะเงียบสนิทจนคุณจะได้ยินเสียงเข็มตกได้เลย ผมไม่อยากได้ยินเสียงแบบนั้น ใครจะสนเรื่องพรรค์นั้นกันล่ะ ผมเคยได้ยินเสียงเข็มตกมาแล้ว และมันก็ไม่ได้น่าสนใจเลยซักนิด ผมอยากจะได้ยินเสียงดัง ผมอยากได้ยินเสียงดนรี ผมอยากได้ยินเสียงความวุ่นวายของสิ่งที่เกิดขึ้นครับ"
ไวทีติกล่าวสรุปถึงสิ่งที่เขาอยากให้ผู้ชมได้สัมผัสว่า "ผมอยากให้หนังเรื่องนี้เป็นการผจญภัยในอวกาศที่วิเศษสุด ที่ทั้งสนุกสนาน แต่ก็เป็นการเดิมพันที่สูงและมีความสมจริงทางอารมณ์ด้วย ในตอนที่หนังมีความสมจริงทางอารมณ์คือตอนที่ผู้ชมจะอินไปกับมัน ผู้ชมอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางนั้นและพวกเขาก็อยากจะติดตามมันไปจนจบครับ"
"นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะนำมาสู่หนังเรื่องนี้ ผมอยากจะให้ผู้ชมติดตามและทำให้พวกเขาตื่นเต้นไปกับการผจญภัยที่ทั้งดรามาและสะเทือนอารมณ์ แต่ก็ตลกและน่าตื่นเต้นด้วย พอตอนจบเรื่อง คุณจะรู้สึกเหมือนคุณได้เดินทางไปยังโลกต่างๆ และได้สัมผัสกับประสบการณ์สุดโต่งมากมาย และคุณก็จะรู้สึกเหมือนได้บุกน้ำลุยไฟไปกับธอร์จริงๆ ครับ"
คลิปสัมภาษณ์ นักแสดง และผกก.
https://www.youtube.com/watch?v=L1HtcuDTjd8&list=LLnGOee5atlTtQ7E1ksTYT4A
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit