นางสาวพัชรพร สิริทรัพย์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และประชาสัมพันธ์ ไป่ตู้ ประเทศไทย กล่าวว่า "ตลอดปี 2560 นี้ โดยภาพรวมประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมในการเดินทางมาท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นอันดับ 1 เหมือนในปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า ประเทศญี่ปุ่น และเกาหลี ส่วนทางด้านประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว เวียดนาม มาเลเซีย และพม่า ที่แม้จะมีการคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตของประเทศทางด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ยังคงไม่ได้รับความสนใจจากชาวจีนมากนัก เนื่องจากความพร้อมทางด้านต่างๆ อีกทั้งยังไม่ตรงกับความต้องการหลักของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ยังคงเน้นเรื่องของการช้อปปิ้ง นิยมจับจ่ายใช้สอย และเลือกซื้อของใช้ของฝากเป็นหลัก พบได้จากฐานข้อมูลคำสืบค้นของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่กำลังวางแผนท่องเที่ยวจะใช้คำสืบค้น เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ซื้อของ ของฝาก และค่าเงิน ซึ่งเป็นคำสืบค้นหลักๆ ของนักท่องเที่ยวก่อนออกเดินทาง"
ปัจจุบันรูปแบบการท่องเที่ยวของชาวจีนมีความนิยมที่จะท่องเที่ยวด้วยตัวเอง จำนวนสัดส่วนของนักท่องเที่ยวอิสระมีเพิ่มจำนวนขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเตรียมการเดินทาง และการค้นหาข้อมูลการเดินทางที่ละเอียดก่อนการเดินทางมีความจำเป็นมากขึ้น เนื่องจากต้องวางแผนการเดินทางด้วยตนเอง สิ่งที่จำเป็นมากสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เรื่องของข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศไทยที่ปรากฏในช่องทางการสื่อสารออนไลน์ ทั้งในเรื่องของที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว ของฝาก ตลอดจนเรื่องของการเดินทางที่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้นสำหรับช่วยสนับสนุนรูปแบบการท่องเที่ยวนี้ แม้ปริมาณการใช้จ่ายไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นมากนักในส่วนของที่พัก มีเพียงการเลือกที่พักที่หลากหลายเพื่อรองรับการท่องเที่ยวในหลายพื้นที่เท่านั้น แต่ในส่วนของการจับจ่ายใช้สอยในสถานที่ท่องเที่ยว ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายการซื้อของฝากมีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีความหลากหลายของประเภทสินค้าและบริการมากขึ้น โดยมีอัตราการใช้จ่ายอยู่ที่ 30,000-40,000 บาท ต่อคน
โดยจำนวนของชาวจีนที่เดินทางออกมาท่องเที่ยวต่างประเทศ ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่อัตรา เพียงแค่ 10 % ของจำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศ ในสัดส่วนการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศนี้ นิยมเดินทางมาประเทศไทยสูงสุด ดังนั้นเองแล้วโอกาสในการสร้างความจูงใจหรือประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มชาวจีนให้มาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ยังมีโอกาสอยู่สูงมาก หากทำการสื่อสารหรือประชาสัมพันธ์อย่างถูกวิธีและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ทางด้านผลกระทบต่อผู้ประกอบการชาวไทยมีการเติบโต และได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการสินค้าและให้บริการชาวไทยเป็นจำนวนมาก โดยกลุ่มท่องเที่ยว อันประกอบไปด้วยธุรกิจที่พัก ร้านอาหาร สปา ร้านขายสินค้าอุปโภค บริโภค ห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้แล้วกลุ่มธุรกิจประเภทอื่นๆ ก็หันมาให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สถาบันการเงิน หน่วยงานการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธุรกิจSME ที่ให้ความสนใจเข้ามาเพิ่มเติมขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พัชรพร กล่าวเพิ่มเติมว่า "แนวทางการพัฒนาช่องทางการสื่อสารของธุรกิจไทยเพื่อสื่อสารกับชาวจีน ยังคงต้องเน้นการตอบสนองและผลักดันในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ที่มีเป้าหมายส่งมอบบริการและสินค้ากับกลุ่มฐานลูกค้าชาวจีนให้ได้มีโอกาสสื่อสารและประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างถูกต้อง และตรงกับกลุ่มลูกค้า โดย ณ ปัจจุบันทางไป่ตู้ ประเทศไทยมีนโยบายที่จะขยายการให้คำปรึกษาและบริการของทางไป่ตู้ แอคเซส ไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดโดยเริ่มจากหัวเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ที่เป็นจุดหมายหลักในการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนรองลงมาจากกรุงเทพฯ โดยไป่ตู้ แอคเซส เตรียมเพิ่มข้อมูลการท่องเที่ยวทั้งในรูปแบบของการประชาสัมพันธ์ของผู้ประกอบการชาวไทยเอง และเน้นประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่น่าสนใจและสร้างความเข้าใจรวมไปถึงการรับรู้ได้ง่าย ที่เรียกว่าการทำ KOL ( key Opinion leader ) หรือการใช้บุคคลผู้มีอิทธิพลในแต่ละสาขาบนโซเชียลมีเดีย หรือโลกออนไลน์ ที่จะสามารถสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าชาวจีนโดยตรงด้วยภาษาจีนที่เข้าใจง่าย และยังคงมุ่งพัฒนาบริการหลักของไป่ตู้ แอคเซสอีก 2 ช่องทาง ได้แก่ การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจบนโซเชียลมีเดียจีน และการสร้างคำค้นหาที่โดดเด่นและน่าสนใจบนเสริชเอนจิ้นอั้นดับหนึ่งในจีน เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าของไป่ตู้ แอคเซส ที่คาดว่าจะมีเข้ามาเพิ่มขึ้นในอนาคต"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit