ฟอร์ดได้นำคณะผู้เข้าร่วมกิจกรรมออกเดินทางจากโชว์รูมและศูนย์บริการ ฟอร์ด พี วี เค หาดใหญ่ มุ่งหน้าสู่ชุมชนบ้านควนเสม็ด ในอำเภอสะเดา เพื่อศึกษาวิถีชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยสื่อมวลชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสืบสานและอนุรักษ์การทำข้าวหลามชักพรุด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ 5 รุ่น ยาวนานกว่า 200 ปี ซึ่งจะมีการทำข้าวหลามชักพรุดที่จัดขึ้นในงานประเพณีสวดบ้านเพียงปีละครั้ง ซึ่งจะมีวิธีการทำที่แตกต่างจากข้าวเหนียวหลามทั่วๆไป โดยจุดเด่นของข้าวหลามชัดพรุด อยู่ที่การใช้ไม้ไผ่บางมาเป็นกระบอกข้าวหลามและใช้ใบยี่เร็ดผ่าครึ่งมาม้วนกับไม้ไผ่ ใส่ข้าวเหนียว และน้ำกะทิลงไป แล้วนำไปย่างไฟ ซึ่งที่มาของชื่อข้าวหลามชักพรุด คือ เพียงแค่ดึงก้านใบยี่เร็ดออกมาข้าวเหนียวก็จะหลุดออกมาจากกระบอกไม้ไผ่อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องผ่า หรือทุบกระบอกไม้ไผ่
จากนั้นคณะออกเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านกู๊ดวิว อีกหนึ่งร้านอาหารชื่อดังประจำบ้านด่านนอก อำเภอสะเดา บริเวณตะเข็บชายอดนไทย-มาเลเซีย ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติ และทิวทัศน์ที่งดงาม ก่อนออกเดินทางไปโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสื่อมวลชนกีฬา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อเพื่อมอบหน้าดินและกล้าพืชผักเพื่อการเพาะปลูก พร้อมทำกิจกรรมเพื่อสังคม ร่วมกับครู นักเรียน และชุมชน ปลูกพันธุ์ไม้ พืชผักสวนครัว เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในบริเวณโรงเรียนและให้เป็นแหล่งเรียนรู้ สำหรับนักเรียน ทั้งนำไปใช้ได้ประโยชน์ในโครงการอาหารกลางวัน
จากนั้นคณะสื่อมวลชนเดินทางไปพิชิต 13 คลอง สะเดา อุทยานแห่งชาติเขาน้ำค้าง เส้นทางอันซีนของสงขลา เพื่อชมความงดงามของธรรมชาติบนเส้นทางออฟโรด ข้ามสายน้ำ 13 สาย ที่มีทั้งความท้าทาย และสมบุกสมบัน เพื่อพิสูจน์ถึงความแกร่งของเรนเจอร์สำหรับทุกเส้นทางการขับขี่ แม้ว่าต้องเผชิญกับเส้นทางอันแสนคดเคี้ยวและสภาพพื้นถนนที่ยากลำบาก ฟอร์ด เรนเจอร์ ได้พาคณะสื่อมวลชนเอาชนะทุกอุปสรรคการเดินทางอย่างง่ายดายและปลอดภัยด้วยขุมพลังเปี่ยมสมรรถนะจากเครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ ขนาด 3.2 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 200 แรงม้า และมอบแรงบิดสูงสุดถึง 470 นิวตันเมตร ผนวกกับเทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่ตอบสนองต่อการขับขี่แบบออฟโรด อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) โหมดการตั้งค่าแบบอัตราทดสูง (4x4 Low) และระบบล็อคเฟืองท้ายแบบ Electronic Locking Rear Differential (LRD) ที่ช่วยเพิ่มพลังการขับเคลื่อนให้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะบนพื้นผิวถนนที่ขรุขระ และด้วยความสามารถในการลุยน้ำลึกสูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร พร้อมการออกแบบช่วงล่างและด้านหน้าให้สามารถกระจายแรงดันจากน้ำได้เป็นอย่างดี ฟอร์ด เรนเจอร์ จึงสามารถพาผู้ขับขี่ผจญภัยไปบนทุกเส้นทางหฤโหดได้
นางสาวศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า ""ฟอร์ดมีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในเส้นทางการท่องเที่ยวแบบวิถีชุมชนของจังหวัดสงขลาในครั้งนี้ ซึ่งการเดินทางไปชมเส้นทางธรรมชาติแบบอันซีน ร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนทำกิจกรรมเพื่อสังคมให้กับโรงเรียนนั้น ต้องผ่านเส้นทางที่มีความท้าทาย สมบุกสมบัน เราจึงได้นำรถกระบะพันธุ์แกร่งอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ ซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง และเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะมาเป็นพาหนะในการเดินทาง ซึ่งสามารถฝ่าฟันทุกเส้นทางการขับขี่ทั้งทางเรียบและออฟโรด ทั้งถนนลูกรังขรุขระ และทางบุกป่าฝ่าเขาที่สมบุกสมบัน และความแกร่งด้านสมรรถนะการบรรทุกของฟอร์ด เรนเจอร์ ด้วยกระบะขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับการบรรทุกได้มากและรับน้ำหนักได้สูงถึง 1.3 ตัน""
ตลอดระยะทางกว่า 270 กิโลเมตร ระหว่างกิจกรรมทั้ง 2 วัน คณะสื่อมวลชนยังได้ใช้เทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะมากมายที่ติดตั้งมากับรถฟอร์ด เรนเจอร์ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ ระบบการเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง และระบบแจ้งเตือนการขับขี่ ซึ่งได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้น เพื่อมอบความปลอดภัยสูงสุดและความอุ่นใจในทุกเส้นทางการเดินทาง
""ในฐานะบริษัทผลิตรถยนต์มาตรฐานระดับโลก ฟอร์ดให้ความสำคัญกับกิจกรรมจิตอาสา เพื่อตอบแทนสิ่งดีๆ คืนสู่สังคมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการรณรงค์สร้างการรับรู้และจิตสำนึกด้านการขับขี่ปลอดภัยในโครงการฝึกอบรม Ford Driving Skills for Life (DSFL) หรือ ""ฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย"" ที่ฟอร์ดได้ทำต่อเนื่องมาเป็นเวลา 10 ปี โดยฟอร์ดมุ่งหวังที่จะช่วยป้องกันและลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุโดยรวมบนท้องถนน"" นางสาวศุภรางศุ์ กล่าวเสริม
กิจกรรมฝึกอบรม Ford Driving Skills for Life (DSFL) หรือ ""ฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย"" เป็นโครงการเพื่อสังคมของฟอร์ดที่จัดขึ้นทั่วโลก โดยในปีนี้ถือเป็นการฉลองครบรอบ10 ปี ของโครงการดังกล่าวในประเทศไทย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างได้เรียนรู้เทคนิคการขับรถยนต์อย่างถูกต้องทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ อาทิ ท่านั่งในการขับรถและวิธีการจับพวงมาลัยอย่างถูกต้อง การควบคุมรถขณะเกิดเหตุฉุกเฉิน และเกร็ดความรู้การขับขี่อย่างปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit