มิสเตอร์เซบาสเตียน บาแซง ประธานและซีอีโอได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประกาศ ดังนี้
""แอคคอร์โฮเทลมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกครั้งในไตรมาสที่สาม เป็นที่ยืนยันแล้วว่า ตลาดหลักของเราในช่วงครึ่งแรกมีแนวโน้มการดำเนินงานเชิงบวก ประกอบกับลาตินอเมริกามีสัญญาณการฟื้นตัวในช่วงก่อนหน้า กลุ่มแอคคอร์โฮเทลยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างรุดหน้าและไม่หยุดยั้ง ตลอดไตรมาส ฐานโรงแรมของเราครอบคลุมห้องพัก 600,000 ห้อง และอยู่ระหว่างการดำเนินการในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพอร์ตโฟลิโอโรงแรมของเราเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับมากขึ้น ในปัจจุบัน ได้แก่ โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส (Orient Express) และเน็กซ์ ดอร์ (Nextdoor) และจะขยายการเติบโตไปยังมันตรา (Mantra), เบรกฟรี (BreakFree) และเปปเปอร์ (Peppers) เร็วๆ นี้ เราคาดหวังว่ายังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่สดใสนี้ต่อไปจนถึงช่วงสิ้นปี ซึ่งทำให้เรามี ค่า EBIT เป้าหมายที่ประกาศไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้น""
เหตุการณ์สำคัญ
เติบโตอย่างยั่งยืนในทุกตลาดของกลุ่มแอคคอร์โฮเทล
เปิดตัวโรงแรม 73 แห่ง กว่า 11,000 ห้อง
เปิดห้องพักกว่า 600,000 ห้องและอยู่ระหว่างการดำเนินการ 178,000 ห้อง ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์
ลงนามในสัญญาซื้อกิจการกลุ่มเก็คโคและมันตรา
เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ SNCF เพื่อพัฒนาศักยภาพของโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส
เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Bouygues Immobilier เพื่อพัฒนาศักยภาพของเน็กซ์ ดอร์
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 แอคคอร์โฮเทลได้ประกาศเจตนารมณ์เพื่อแปลงโฮเทลอินเวสท์เป็นโรงแรมในเครือ และแยกโรงแรมเกือบทั้งหมดของโฮเทลอินเวสท์ไปรวมอยู่ภายใต้แอคคอร์อินเวสท์ ตามมาตรฐาน IFRS325 กำหนดว่าให้แสดงสินทรัพย์ที่ถือไว้เพื่อขายเป็นรายการแยกต่างหากในงบดุล รวมทั้งในงบกำไรขาดทุนและงบกระแสเงินสด ข้อมูลปี 2560 ที่นำเสนอในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้สะท้อนให้เห็นการปฏิบัติทางบัญชีนี้
ดังนั้น กลุ่มแอคคอร์โฮเทลได้ปรับโครงสร้างการบริหารธุรกิจใหม่ แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่
ธุรกิจโรงแรม เป็นโรงแรมเจ้าของสิทธิ์และผู้ประกอบธุรกิจ ตลอดจนกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจโรงแรมธุรกิจใหม่ ในขั้นตอนนี้ประกอบด้วยฟาสต์บุกกิ้ง วันไฟน์สเตย์ และจอห์น พอล (ก่อนหน้านี้เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจโรงแรม) รวมถึง อะวายโปร เวรี่ชิค ทราเวลคีย์ส และสแควร์เบรก ซึ่งรวมธุรกิจไปตั้งแต่ครึ่งปีแรก
สินทรัพย์โรงแรม ได้แก่ สินทรัพย์ของโฮเทลอินเวสท์ที่ยังไม่โอนให้แอคคอร์อินเวสท์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรมออร์บิส และโรงแรมที่ดำเนินกิจการภายใต้สัญญาเช่าตามเปอร์เซ็นต์ EBITDAR (ไม่มีการประกันรายได้ขั้นต่ำ ซึ่งเรียกว่าสัญญาเช่าสำหรับบริหาร)
รายได้เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง
รายได้เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งจากธุรกิจโรงแรม (+3.5%) และธุรกิจใหม่ (บริการดูแลต้อนรับ บริการบ้านเช่าหรู และบริการดิจิตัลสำหรับผู้ประกอบการโรงแรมอิสระ+5.6%) ทั้งนี้ กลุ่มแอคคอร์โฮเทลมีผลดำเนินงานเติบโตสูงสุด 6.4% ภายใต้การจัดทำงบการเงินรวมของกลุ่มธุรกิจและอัตราแลกเปลี่ยน (LFL) ในไตรมาสที่สามของปี 2560 รายได้มาจากสินทรัพย์โรงแรมซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มแอคคอร์โฮเทล โดยส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปกลางและบราซิล มีการเติบโตอย่างยั่งยืน 7.2%
โมเมนตัมเชิงบวกสำหรับธุรกิจโรงแรม
ธุรกิจโรงแรม บริหารโรงแรม 4,209 แห่ง (604,000 ห้อง) ภายใต้สัญญาธุรกิจแฟรนไชส์และสัญญาการบริหารเมื่อสิ้นเดือนกันยายน 2560 มีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 3.5% เป็น 44232ล้านยูโรเมื่อคิดคำนวณจากฐานเดียวกัน การเติบโตนี้เป็นผลสะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจในภูมิภาค ยกเว้นอเมริกาใต้ ซึ่งบราซิลมีอัตราราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวันในระดับต่ำ ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของภูมิภาคสูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบสามปี
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีผลดำเนินงานดีเยี่ยม โดยการเติบโต 4.1% มาจากส่วนตลาดโรงแรมระดับลักชัวรีและระดับกลาง (RevPAR เพิ่มขึ้น326.2%) และเติบโตอย่างแข็งแกร่งและไม่หยุดยั้ง
แอคคอร์โฮเทลรุกขยายฐานห้องพักมากถึง 600,000 ห้อง
การพัฒนาของกลุ่มแอคคอร์โฮเทลรุดหน้าอย่างรวดเร็วและไม่หยุดยั้ง ในช่วงไตรมาสที่สาม แอคคอร์โฮเทลได้เปิดตัวโรงแรม 7332แห่ง กว่า 11,00032ห้อง ซึ่งรุกขยายฐานห้องพักมากถึง 600,000 ห้อง และเตรียมเปิดตัวโรงแรมลำดับที่ 800 อย่างยิ่งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อสิ้นเดือนกันยายน 2560 กลุ่มแอคคอร์โฮเทลมีโรงแรมที่อยู่ระหว่างการดำเนินการรวม 99232แห่ง 178,00032ห้อง ทั้งนี้ 81% อยู่ในตลาดเกิดใหม่และ 47% อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ดังที่กล่าวมา กลุ่มแอคคอร์โฮเทลคาดการณ์ว่าในปี 2560 มีการพัฒนาห้องพักอย่างเป็นรูปธรรมกว่า 40,000 ห้อง ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของกลุ่ม
การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในธุรกิจใหม่
ในช่วงเก้าเดือนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2560 รายได้จากธุรกิจใหม่ มีมูลค่า 32 ล้านยูโร เทียบกับ 13 ล้านยูโรเมื่อสิ้นเดือนกันยายน 2559 เพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อคิดคำนวณจากฐานเดียวกัน และเติบโตกว่า 150% ตามที่รายงานในงบการเงินรวมของจอห์น พอล สแควร์เบรก ทราเวลคีย์ส เวรี่ชิค และอะวายโปร ตั้งแต่ไตรมาสที่สามของปี 2559
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม แอคคอร์โฮเทลได้ประกาศซื้อกิจการเก็คโคเพื่อต่อยอดช่องทางการจัดจำหน่ายห้องพักของโรงแรมเฉพาะสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ โดยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายห้องพักของโรงแรมแบบ B2B ระดับโลก
การผนวกรวมธุรกิจของจอห์น พอลเข้ากับกลุ่มแอคคอร์โฮเทล ดำเนินการรุดหน้าอย่างต่อเนื่องในส่วนของการบริการลูกค้า และอยู่ในระหว่างบริหารจัดการโครงการแอคคอร์โลคัล ซึ่งจะเปิดตัวเร็วๆ นี้
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit