ในปี 2560 กองทุนรวมมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 61,000 ล้านบาทหรือ14% จากการเติบโตของกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ( Short Term Fund ) และกองทุนรวมต่างประเทศ
ด้านกองทุนสารองเลี้ยงชีพ เพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 20,000 ล้านบาท หรือ 32% จากการบริหารกองทุนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นต้น มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ณ 29 ธันวาคม 2560 ประกอบด้วย กองทุนรวม 498,192 ล้านบาท กองทุนสารองเลี้ยงชีพ 86,107 ล้านบาท กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 83,915 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 46,033 ล้านบาท
ในปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนในหลายกองทุน เช่น กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอิควิตี้ ( KTEF ) กองทุนระดับ 5 ดาวจาก Morningstar และเป็นกองทุนที่มีผลการดาเนินงานย้อนหลังอยู่ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดาเนินงานย้อนหลัง สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ธันวาคม 2560 ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 จาก AIMC กลุ่ม Equity General และ Morningstar กลุ่ม Thailand EQ Equity Large-Cap โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 79.32% สูงกว่า Benchmark ซึ่งอยู่ที่ 30.02% ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสม่ำเสมอของผลการดาเนินงานของกองทุน
นอกจากนี้ กองทุนต่างประเทศที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ติดอันดับ1ใน 3 ของอุตสาหกรรม จากการจัดอันดับของ Morningstar ได้แก่ KT-India อันดับ1 ของกลุ่ม Thailand QE Asia Pacific ex-Japan อยู่ที่ 43.87% , KT-Euro อันดับ1 ของกลุ่ม Thailand QE Europe Equity อยู่ที่ 22.92% และ KT-GMO อันดับ 3 ของกลุ่ม Thailand QE Global Allocation อยู่ที่ 15.72 %
ส่วนกองทุน KT-China นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน(30มี.ค.60) อยู่ที่ 20.52% กองทุน KT-CLMVT ได้รับการจัดอันดับจาก Morningstar ให้เป็นกองทุนที่มีผลการดาเนินงานย้อนหลัง3 เดือน และ6 เดือนอยู่ในอันดับหนึ่งของกลุ่มหุ้นในเอเชียแปซิฟิก ยกเว้น ญี่ปุ่น โดย 3 เดือนอยู่ที่ 14.76% และ 6 เดือนอยู่ที่ 23.74% กองทุนนี้สามารถจ่ายปันผลได้อย่างต่อเนื่องทุกเดือน จำนวน 3 ครั้งติดต่อกัน ในอัตราครั้งละ 0.50 บาทต่อหน่วย ซึ่งแต่ละกองทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน และได้รับความไว้วางใจในการให้บริษัทบริหารเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าหมายมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้น 838,000 ล้านบาท หรือประมาณ 18% โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดจาหน่าย 7 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนที่การจัดสรรน้ำหนักการลงทุน ( Asset Allocation ) จำนวน 4 กองทุน ภายใต้ชื่อกองทุน มั่งคั่ง มีทรัพย์ ศรีศิริ สุขใจ (มั่งมีศรีสุข) กองทุนต่างประเทศประเภท Unit Link จานวน 3 กองทุน ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการดำเนินการยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และยังมีแผนที่จะเปิดจาหน่ายกองทุนอื่นๆ อีกมากมาย โดยบริษัทกำลังดูความเหมาะสม และจังหวะในการเปิดจำหน่าย ซึ่งบริษัทจะคำนึงถึงโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน ในเดือนแรกของปีนี้ บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม โกลบอล เครดิต อินคัม ฟันด์ ( KT-GCINCOME) โดยสามารถจำหน่ายกองทุนได้ตามเป้าหมายเต็มมูลค่าโครงการที่กำหนดไว้ 5,000 บาท โดยใช้ระยะเวลาเพียง3วัน
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทจะเน้นเรื่องการให้นักลงทุนได้เข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนได้ง่ายและสะดวกขึ้น ผ่านช่องทาง Social media เช่น Mobile App ในการซื้อขายหน่วยลงทุน และ Website ใหม่ เป็นต้น
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้รับการสนับสนุนที่ดีจากธนาคารกรุงไทย มีการทางานกันอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้กองทุนรวมมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้จะมีการพัฒนาระบบ ITร่วมกัน เพื่ออานวยความสะดวกให้กับนักลงทุนในการเข้าถึงข้อมูลมากยิ่งขึ้น