1. เติมน้ำหล่อเลี้ยงให้ผิวหนัง โดยการจิบน้ำวันละ 1.5 – 2 ลิตร เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำปริมาณมากให้หมดในครั้งเดียว เนื่องจากการดื่มน้ำในปริมาณมากในครั้งเดียวจะทำให้ร่างกายเร่งขับน้ำทิ้งเป็นของเสียภายในเวลาอันรวดเร็วก่อนที่น้ำจะถูกดูดซึมด้วยกระบวนการทำงานของร่างกายอย่างสมดุล หากเราอยากได้ผิวนุ่มชุ่มชื้นจึงควรหมั่นจิบน้ำระหว่างวันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผิวคงสภาพความชุ่มชื้นอย่างยาวนาน
2. ทาน้ำมันมะกอกก่อนนอน เราสามารถใช้น้ำมันมะกอกทาผิวก่อนนอน โดยน้ำมันมะกอกจะมีประสิทธิภาพในการขจัดสิ่งสกปรก ล้างสารพิษตกค้างที่สะสมตามรูขุมขน ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย เพียงแค่เราทาน้ำมันมะกอกให้กับผิวก่อนนอนทุกค่ำคืนก็เทียบเท่ากับการทามอยส์เจอไรเซอร์เลยทีเดียว ผิวแห้งกร้านจะกลับมานุ่มเด้ง ผิวจะกลับมาอิ่มน้ำได้อย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว
3. ทานกล้วยทุกตอนเช้า กล้วยอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เป็นต้น การรับประทานกล้วยในตอนเช้าจะช่วยให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ช่วยให้ระบบร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกล้วยจะมีวิตามินบี 3 สูงมาก ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน และลดอาการอักเสบของผิวหนังได้เป็นอย่างดี
4. สวมเสื้อผ้ามิดชิด เพื่อป้องกันผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน อีกทั้งเป็นการสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายในช่วงฤดูหนาวเพราะหลอดเลือดแดงจะหดตัวได้ง่าย ระบบการลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปสู่หัวใจทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผิวหนังมีโอกาสคล้ำเสียและแห้งกร้านได้ง่ายกว่าปกติ การสวมเสื้อผ้ามิดชิดจึงช่วยป้องกันไม่ให้เส้นเลือดแดงหดตัว คงประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจให้ทำงานตามปกติ และลดโอกาสเสี่ยงที่ผิวจะถูกดึงความชุ่มชื้นจากอุณหภูมิอากาศที่ต่ำลงอีกด้วย ส่วนในฤดูร้อนการสวมเสื้อผ้ามิดชิดจะช่วยป้องกันผิวจากรังสียูวีได้อีกด้วย
5. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยคืนความเปล่งประกายให้กับผิวหนังที่สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงผิวในช่วงหน้าหนาวและหน้าร้อน หรือแม้ผิวแห้งที่เกิดจากพันธุกรรม เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์ (Ceramide) ซึ่งเป็นส่วนผสมที่เหมือนกับไขมันใต้ผิวหนังของมนุษย์ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติช่วยในการกักเก็บน้ำไว้บนผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน
Tips เพิ่มเติมสำหรับสาวผิวแห้ง ก่อนทาครีมควรใช้โทนเนอร์หรือโลชั่นน้ำเติมนำให้ผิวก่อน แล้วจึงทาครีมเพื่อช่วยกักเก็บน้ำไว้ในผิว
นอกจาก 5 วิธีที่กล่าวมาแล้ว BIODERMA ยังมีนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นอย่างยาวนาน อย่าง BIODERMA Hydrabio Serum ด้วยนวัตกรรม AQUAGENIUMTM(TM) PATENT ซึ่งเป็นสิทธิบัตรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไฮดราบิโอ ที่ช่วยดูแลผิวขาดน้ำเป็นพิเศษ มีส่วนผสมเข้มข้นจากเมล็ดแอปเปิ้ลและวิตามิน B3 ที่ช่วยกระตุ้นระบบการส่งผ่านน้ำของผิว ทำให้ผิวกลับมาอ่อนนุ่ม ไม่แห้งกร้านหรือเป็นขุย พร้อมกระตุ้นการสร้างเซราไมด์ (Ceramide) ที่ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำของผิว คืนความเปล่งประกายให้ผิวพรรณ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ Hyaluronic acid และ Glycerin ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวทันทีที่ทาโดยผลิตภัณฑ์ไบโอเดอร์มา ไฮดราบิโอ ซีรั่ม เกิดจากแรงบันดาลใจจากผิวที่ต้องการช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากสภาพปัญหาผิวแห้งจากทุกสภาพปัญหา เพื่อให้ผิวคงความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก เปลี่ยนผิวแห้งกร้าน ให้เปล่งปลั่งสดใส มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน ที่สำคัญไม่มี Non-comedogenic ผิวจึงไม่อุดตันรูขุมขน ไม่มีพาราเบน, Hypo-allergenic ผลิตภัณฑ์ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ จึงเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว และคืนความชุ่มชื้นเปล่งประกายแก่ผิวตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
เป็นยังไงกันบ้างกับเคล็ดลับสุดปังที่นำมาฝากวันนี้ อย่าลืมว่านอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมแล้วการดูแลผิวก็ต้องเหมาะสมกับสภาพผิวและต้องทำอย่างถูกวิธีด้วย สำหรับสาวๆ คนไหนที่มีสภาพปัญหาผิวแห้ง ผิวกำลังขาดน้ำ และต้องการเสริมความแข็งแรงให้กับผิวอย่าง BIODERMA Hydrabio Serum (ไบโอเดอร์มา ไฮดราบิโอ ซีรั่ม) สามารถพบกันได้ที่เคาน์เตอร์ร้านค้าเพื่อสุขภาพและความงาม ร้านขายยาและโรงพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์และติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก BIODERMA Thailand และทาง www.bioderma.co.th
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit