นาย
กฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่า
การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนาย สตัฟฟาน แฮร์สเตริม
เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรสวีเดน ประจำประเทศไทย ว่า ประเด็นสำคัญที่ได้หารือกับทูตสวีเดนในครั้งนี้นอกจากทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และข้อมูลด้านการเกษตรระหว่างไทย-สวีเดน เพื่อสานต่อความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างทั้งสองประเทศแล้ว ยังถือโอกาสชี้แจงและให้ข้อมูลถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาประมงผิด
กฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือ ไอยูยูของไทยที่เริ่มเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น และมีความคืบหน้าหลังจากที่เริ่มมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังตั้งแต่ปลายปี 2557 เป็นต้นมา ทั้งการจัดการเรือ เครื่องมือทำการประมง แรงงานประมง วิธีทำการประมง และพื้นที่ทำการประมงอย่างเป็นลำดับ ซึ่งทางทูตสวีเดนได้แสดงความชื่นชมและเห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหา
การทำประมงผิดกฎหมายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย การตรวจสอบ การจับกุม และดำเนินคดีผู้กระทำผิด ซึ่งกรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งรัดดำาเนินการอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทย ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญและส่งเสริมเกษตรกรผลิตสินค้าอินทรีย์เพิ่มขึ้น ทั้งพื้นที่เพาะปลูกและปริมาณผลผลิตให้ได้มาตรฐานสากล โดยฝ่ายไทยหวังว่าไทยและสวีเดนจะมีโอกาสขยายช่องทางการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ระหว่างกัน เนื่องจากสวีเดนมีอัตราการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์สูง ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ ในสวีเดนขยายตัวถึงร้อยละ 20 ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสสำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทย โดยเฉพาะข้าวไทยที่ได้รับความนิยมบริโภคในสวีเดนเพิ่มมากขึ้นด้วย
สำหรับข้อมูลการส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างไทย-สวีเดนนั้น ปัจจุบันสวีเดนเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรอันดับที่ 46 ของไทย ในระหว่างปี 2558-2560 ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปสวีเดนร้อยละ 0.28 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปโลก คิดเป็นมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยปีละ 3,015 ล้านบาท โดยสินค้าเกษตรส่งออกไปสวีเดน เช่น ปลาทูนา ปลาสคิปแจ็ก ปลาโบนิโต ปรุงแต่ง ข้าว สับปะรดปรุงแต่ง เนื้อไก่ปรุงแต่ง ข้าวโพดหวาน เป็นต้น