นายปลิว ยืนยันว่า ในปี 2561 CK พร้อมที่จะเข้าประมูลงานก่อสร้างตามนโยบายภาครัฐในทุกโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้ภาครัฐจะเปิดโครงการประมูลกว่า 4 แสนล้านบาท โดยเฉพาะโครงการ รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะมูลค่า 1.30 แสนล้านบาท โครงการทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง มูลค่า 3.10หมื่นล้านบาทโครงการรถไฟทางคู่ เฟส 2 จำนวน 9 เส้นทาง มูลค่ารวมประมาณ4.00 แสนล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการมอเตอร์เวย์ บางปะอิน - นครราชสีมา ค่าตอบแทนเอกชนมูลค่า 3.30 หมื่นล้านบาทและบางใหญ่-กาญจนบุรีค่าตอบแทนเอกชนมูลค่า 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะผลักดันโครงการออกมาในลักษณะให้เอกชนร่วมลงทุน(PPP)ซึ่งทาง CK และ BEM ก็ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ด้านโครงการในต่างประเทศคาดว่าจะมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ใน สปป.ลาว ซึ่งทาง CKP คาดว่าจะมีความคืบหน้าออกมาในกลางปี 2561 และการงานก่อสร้างระบบประปาในเมียนมา ซึ่งทาง TTW ได้เจรจากับรัฐบาลเมียนมาเรียบร้อยแล้วด้วย
"จากผลการประมูลในอดีตบริษัทมี Winning rate ประมาณ 50% สำหรับงานรถไฟฟ้าช่วงใต้ดิน 20-25% สำหรับงานรถไฟฟ้าโครงสร้างยกระดับและทางด่วน ซึ่งงานเหล่านี้บริษัทมีความเชี่ยวชาญ สามารถบริหารจัดการด้านการก่อสร้าง การเงิน และดูแลผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดีนอกเหนือจากโครงการที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ที่รัฐบาลจะผลักดันออกมาในเร็วๆนี้ ทั้งรูปแบบที่ให้เอกชนเข้าประมูล และรูปแบบความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนหรือ PPP CK และบริษัทในกลุ่มทั้งหมดได้เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมประมูลอย่างแน่นอน โดยขณะนี้โครงการก่อสร้างในประเทศยังเป็นเป้าหมายหลักของ CKและเรายังได้เตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยี วิศวกรรมและการก่อสร้าง การพัฒนาบุคลากร การเงิน และการเตรียมความพร้อมระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อรองรับโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" นายปลิวกล่าว
นายปลิว ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่รัฐบาลประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจาก ทางบริษัทเจรจากับผู้รับเหมาช่วงเรียบร้อยแล้ว ขณะที่งานใหม่ที่จะเข้าร่วมประมูลก็ได้คำนวณราคาต้นทุน ใหม่ก่อนเสนอทุกโครงการ
"ทาง CK มีทีมคอยติดตามและเฝ้าระวังเรื่องราคาวัสดุอย่างใกล้ชิด มีการบริหารจัดการวัสดุทั้งในเรื่องราคาและสินค้าคงคลังอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผลกระทบจากราคาวัสดุ ณ ตอนนี้ยังสามารถควบคุมและบริหารจัดการได้ ในด้านแรงงาน ตอนนี้ยังไม่มีผลกระทบอะไร เราถือว่าคนของเราเป็นแรงงานที่มีฝีมือ เราดูแลคนงานของเราอย่างเต็มที่มาตลอด"
สำหรับการร่วมงานกับบริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี นั้นมีความคืบหน้าเรียบร้อยเป็นอย่างดี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทำโครงสร้างฐานราก อาทิ การปรับพื้นดินและตอกเสาเข็ม การส่งมอบพื้นก็ได้เกือบครบ 100% แล้ว ไม่มีปัญหาใด ๆ ที่สร้างผลกระทบให้เกิดความล่าช้า
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit