นายปริญญา เธียรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. จำกัด (VMPC) ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่อขายและให้เช่าระดับไฮเอนด์ โซนพระราม 2 และศรีราชา เปิดเผยว่า ในปี 2560 นี้ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นเป็นบางกลุ่ม โดยกลุ่มที่ขยายตัวอย่างชัดเจนก็คือ ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ในส่วนของภาคการเกษตรซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศยังมีปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ทำให้ความต้องการและอำนาจในการซื้อสินค้าจากภาคการเกษตรลดลงไปด้วย ประกอบกับสถาบันการเงินมีมาตรการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2560 อยู่ในภาวะค่อนข้างซบเซา
ทั้งนี้ จากข้อมูลด้านสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Housing Loan) ของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ระบุว่า ในช่วงไตรมาส 3/2560 มีบัญชีสินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ รวมทั้งสิ้นจำนวน 254,327 บัญชี กลุ่มคนที่กู้เงินซื้อบ้าน สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่ม ดังนี้ Gen Y หรือคนที่มีอายุตั้งแต่ 20-37 ปี คิดเป็นสัดส่วน 52% ต่อด้วยกลุ่ม Gen X หรือคนที่มีอายุ 38-52 ปี คิดเป็นสัดส่วน 38% และกลุ่ม Baby Boomer หรือคนที่มีอายุ 53-71 ปี อยู่ที่ 10% และสินเชื่อหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ระดับ 4.1% เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับ NPL ปี 2559 ที่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราลดลง"NPL ที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่การที่ NPL ยังคงปรับตัวสูงขึ้น ทำให้สถาบันการเงินยังคงเข้มงวดมาตรการปล่อยสินเชื่อ สำหรับสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปี 2560 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2561 ในฐานะผู้ประกอบการคาดหวังว่าปัจจัยต่างๆ จะค่อยๆ ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่า NPL ปี 2561 น่าจะยังเพิ่มขึ้น แต่จะเป็นอัตราที่ค่อยๆ ปรับตัวลดลง โดยมองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีเป้าหมายเป็นตลาดระดับกลางถึงระดับล่างเป็นกลุ่มที่ต้องกู้เงินแบงก์มาซื้อจะเริ่มฟื้นตัว แต่ถ้าจะให้ซื้อง่ายขายคล่องจริงๆ คงต้องเป็นปี 2562 ส่วนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นระดับท็อปไลน์หรือไฮเอนด์ยังเติบโตได้ เนื่องจากดีมานด์ที่อยู่อาศัยระดับบนเป็นคนที่มีเงินในกระเป๋าอยู่แล้ว คือ อารมณ์อยากซื้อก็ซื้อ ไม่อยากซื้อก็คือไม่ซื้อ" นายปริญญา กล่าว
นายปริญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของบริษัทฯ ยังคงเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่อขายและให้เช่า โดยในส่วนของอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ล่าสุดที่เปิดตัวโครงการเมื่อเดือนมิถุนายน 2560 คือ โครงการ"แอสเทรา เบลส" (Astera Bless) ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ติดถนนพระราม 2 กม.5 พื้นที่โครงการรวมประมาณ 28 ไร่ จำนวน 221 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,100 ล้านบาท ได้รับการออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์ "ทาวน์โฮมแนวคิดใหม่ที่ไม่เหมือนใคร" เน้นความหรูหราในสไตล์โมเดิร์น พร้อมจุดเด่น "Free Space Design" ด้วยการดีไซน์ทุกพื้นที่ภายในบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย พร้อมฟังก์ชันใช้สอยสุดคุ้มค่า โดยแบ่งเป็น 4 เฟส ขณะนี้เปิดเฟส 2 แล้ว ตั้งเป้าจะปิดการขายภายในระยะเวลา 1 ปี
สำหรับอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า ล่าสุด บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการ "โอ๊ควูด โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนท์ ศรีราชา" (Oakwood Hotel & Residence SRI RACHA) โรงแรมระดับ 5 ดาว สูง 44 ชั้น จำนวนห้องพัก 458 ห้อง บนเนื้อที่ 12 ไร่ ใจกลางอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ "Modern Oriental Style" เริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2558 และมีกำหนดจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ปลายปี 2561 ซึ่งในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2560 ได้เปิดให้บริการเฟสแรก จำนวน 220 ห้อง ด้วยมาตรฐานบริการระดับโลก ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก มียอดจองห้องจัดประชุมสัมมนาและงานอีเวนต์อย่างต่อเนื่อง
"บริษัทฯ ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่โฟกัสทั้งตลาดเพื่อขายและให้เช่า ซึ่งเป็นการบริหารความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายอยู่ที่ 60% และให้เช่าอยู่ที่ 40% โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเน้นเจาะตลาดระดับบน ในทำเลศักยภาพ ติดถนนสายหลัก ส่วนอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า เน้นกลุ่มเป้าหมายระดับกลางที่เป็นนักศึกษาและคนทำงาน" นายปริญญา กล่าวในตอนท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit