นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชลบุรี เปิดเผยถึงการจัดแคมเปญ "เที่ยวสบายๆ สไตล์ชลบุรี" ในงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 46 ว่าเพื่อเป็นส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยให้ท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น อันจะก่อให้เกิดการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปสู่ท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี และกระตุ้นภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ
โดยแคมเปญ "เที่ยวสบายๆ สไตล์ชลบุรี" เป็นความร่วมมือระหว่าง อบจ.ชลบุรี เมืองพัทยา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา และองค์กรภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวภาคเอกชนของจังหวัดชลบุรี 26 ราย นำเสนอสินค้าและบริการการท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั้งในส่วนของที่พัก ร้านอาหาร และกิจกรรมการท่องเที่ยวต่างๆ ใน จังหวัดชลบุรี ในราคาลดพิเศษกว่า 50% ซึ่งถือเป็นการมอบส่วนลดครั้งใหญ่สำหรับปีนี้ นำขบวนทัพจากโรงแรมที่พักชั้นนำ แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และสนามกอล์ฟในภาคตะวันออกที่มีชื่อเสียง มาร่วมแสดงสินค้าทางการท่องเที่ยวในงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 46 ระหว่างวันที่ 1 – 4 มีนาคม 2561 ในพื้นที่คูหา "เที่ยวสบาย ๆ สไตล์ชลบุรี" ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
"อบจ.ชลบุรี ให้ความสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่สำคัญ เนื่องจากจังหวดชลบุรีเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมการพักผ่อน ความบันเทิงหลากหลาย ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทุกวันตลอดทั้งปี มีการเดินทางที่สะดวก ประหยัดค่าใช้จ่าย คุ้มค่ากับการเดินทาง และยังสามารถสร้างสรรค์สินค้าการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพออกมาช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากกลุ่มคนไทยที่รักการเดินทาง และกระตุ้นเม็ดเงินด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศได้อีกด้วย" นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ จังหวัดชลบุรี ตั้งเป้าหมายในการผลักดันให้มีผู้เยี่ยมเยือนเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรีเพิ่มมากขึ้น โดยมุ่งเน้นให้มีการขยายระยะเวลาพำนักเฉลี่ย และทำกิจกรรมทางการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัว โดยคาดว่าในปี 2561 จังหวัดชลบุรีจะมี ผู้เยี่ยมเยือน (พื้นที่พัทยา เมืองชลบุรี และบางแสน) เพิ่มขึ้นประมาณ 5% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2560 หรือคิดเป็น 17.5 ล้านคนครั้ง ก่อให้เกิดรายได้ทางการท่องเที่ยวกว่า 240,000 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2560 ที่มี ผู้เยี่ยมเยือนราว 17 ล้านคนครั้ง แบ่งเป็นชาวต่างชาติร้อยละ 60 และคนไทยร้อยละ 40 โดยมีรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยวในเมืองพัทยา รองลงไปเป็นบางแสน และสัตหีบสำหรับภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาเที่ยวจังหวัดชลบุรีมากที่สุด ประกอบด้วย จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย เยอรมัน ตะวันออกกลาง อังกฤษ และไต้หวันตามลำดับ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยมีแนวโน้มเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นสถานที่พักผ่อนชายทะเลที่ใกล้กรุงเทพฯ
ปัจจุบันจังหวัดชลบุรีมีความพร้อมในการรองรับการท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย โดยมีที่สถานที่พักมากกว่า 2,000 แห่ง ห้องพักจำนวน 67,094 ห้อง (จากฐานข้อมูลสำนักปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อใช้เป็นกลุ่มตัวอย่างสำหรับประเมินอัตราการเข้าพักเฉลี่ย) แหล่งท่องเที่ยวมากกว่า 50 แหล่ง รวมทั้งมีการขยายตัวของร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
และในช่วงกลางปี 2560 รัฐบาลได้ประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ Thailand 4.0 เพื่อใช้เป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศ สร้างความ มั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน ด้วยการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (Eastern Economic Corridor) ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออก ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง โดยจังหวัดชลบุรีได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ อาทิ การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง พัทยา ให้เป็นสนามบิน เชิงพาณิชย์แห่งที่ สาม ปัจจุบันมีสายการบินต่างๆ เปิดให้บริการในรูปแบบเที่ยวบินปกติ และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ มีทั้งเส้นทางบินภายในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ เชียงใหม่ อุดรธานี ภูเก็ต หาดใหญ่ หนานหนิง หนานชาง ฮ่องกง สิงคโปร์ รัสเซีย เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในปี 2560 ที่ผ่านมาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาฯ มีจำนวนผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออก จำนวน 1.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.47 เมื่อเทียบกับปี 2559 นอกจากนี้ สายการบินยักษ์ใหญ่กาตาร์แอร์เวยส์ได้เปิดให้บริการเส้นทางบิน โดฮา-อู่ตะเภา จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง B787 ดรีมไลน์เนอร์ (254 ที่นั่ง) คาดว่าจะเป็นโอกาสในการเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ จากยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลาง ที่สายการบินกาตาร์มีเส้นทางบินครอบคลุม ให้สามารถเดินทางตรงเข้าสู่พัทยา และชลบุรีได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด "ท่องเที่ยวทุกวัน สุขสันต์ทั้งครอบครัว ความสุขลงตัวที่ชลบุรี" อีกด้วย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit