ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรซ์” ที่ “BB” เปลี่ยนแนวโน้ม เป็น “Negative” จาก “Stable” และยกเลิกอันดับเครดิตองค์กร

28 Feb 2018
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "BB" และปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น "Negative" หรือ "ลบ" จาก "Stable" หรือ "คงที่" การปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลประกอบการทางการเงินของบริษัทที่ต่ำกว่าคาด การลงทุนที่สูงกว่าประมาณการ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการหาเงินทุนมาชำระคืนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนด พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งยกเลิกอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ ตามความประสงค์ของบริษัท ดังนั้น อันดับเครดิตของบริษัทที่ประกาศต่อสาธารณชนมาก่อนหน้านี้จะไม่ได้รับการทบทวนอีกต่อไปนับจากวันที่ประกาศนี้

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ผลประกอบการของบริษัทอ่อนแอลงมาก และต่ำกว่าประมาณการของทริสเรทติ้ง ผลการดำเนินงานของบริษัทได้รับผลกระทบจากความล่าช้าในการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าหลายโรงที่บริษัทได้ลงทุนไว้ และค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการ บริษัทมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการซื้อกิจการในธุรกิจไฟฟ้าประมาณ 98 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทยังคงติดลบโดยลดลงมาอยู่ที่ระดับ -37 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ลดลงจาก -26 ล้านบาทในปี 2559 ภาระหนี้สินของบริษัทสูงขึ้นมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจไฟฟ้า อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 57.4% ณ เดือนกันยายน 2560 จาก 44.9% ในปี 2559 นอกจากนี้ บริษัทได้ประกาศการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีกจำนวน 19 โรงเป็นมูลค่า 1,725 ล้านบาท การลงทุนนี้เป็นการลงทุนเพิ่มเติมจากแผนการลงทุนเดิมที่ประกาศไว้จำนวนประมาณ 4,000 ล้านบาทสำหรับการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพและพลังงานลมในช่วงปี 2561-2563 กระแสเงินสดส่วนเกินเพื่อรองรับการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอมาก อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 0.7 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 เทียบกับระดับ 1.9 เท่าในปี 2559 และ 9.6 เท่าในปี 2558

บริษัทมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการหาเงินทุนเพื่อนำมาชำระคืนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนด เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอลง และไม่สามารถดำรงเงื่อนไขทางการเงินตามที่ระบุในสัญญาเงินกู้ของธนาคารแห่งหนึ่งได้ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเท่ากับ 1.6 เท่า ณ เดือนกันยายน 2560 ซึ่งมากกว่าระดับที่ระบุไว้ในเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ที่ 1.5 เท่า บริษัทมีหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระจำนวนมากในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ระยะสั้นจำนวน 378 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 986 ล้านบาท บริษัทมีสภาพคล่องบางส่วนจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดและเงินลงทุนในตั๋วแลกเงินประมาณ 1,500 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2560 สำหรับรองรับการชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนด

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit