BRG Group ขานรับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ชู “เทคโนโลยี” หวังดันเป้าเพิ่ม

26 Dec 2017
บีอาร์จี ขานรับนโยบาย "ไทยแลนด์4.0" ชูเทคโนโลยี รุกตลาดด้านขาย/บริการ พร้อมเปิดตัวรถใหม่กว่า 10 รุ่น หวังดันเป้าปี 61 เพิ่มขึ้น
BRG Group ขานรับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ชู “เทคโนโลยี” หวังดันเป้าเพิ่ม

นายสมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส ประธานกรรมการบริหาร บจก.เบนซ์ รามคำแหง (บีอาร์จี กรุ๊ป) เปิดเผยว่า ตลาดรถผู้นำเข้าอิสระโดยรวมในปี 2561 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีนี้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการลงทุนของภาครัฐและเมกกะโปรเจ็คต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า หากภาครัฐมีการลงทุนเมกกะโปรเจ็คมากขึ้น ก็จะส่งผลที่ดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังการซื้อมากขึ้น อีกทั้งในปีนี้ ในส่วนของธุรกิจรถยนต์นำเข้าเองก็เผชิญกับอุปสรรคและปัญหาต่างๆ อย่างต่อเนื่องมาตลอดทั้งปี จากการปรับเปลี่ยนนโยบายของหน่วยงานราชการ อาทิ ปัญหาการชำระภาษีเพื่อนำรถยนต์ออกจากเขตพื้นที่ปลอดภาษี, การกำหนดราคาจำหน่าย, การปรับเปลี่ยนวิธีการและอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ล้วนส่งผลให้การจำหน่ายรถยนต์ของผู้นำเข้าอิสระในปีนี้ ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้นำเข้าเองก็ขาดประสบการณ์ในการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดข้อติดขัดในการดำเนินธุรกิจมากมาย แต่คาดว่าในปี 2561 สถานการณ์ต่างๆ น่าจะคลี่คลายและส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจนำเข้าจะไปในทิศทางที่ดีขึ้นส่วนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทผู้นำเข้าอิสระได้เทขายล้างสต๊อก และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย พร้อมโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ อย่างมากมาย ขณะที่ยอดจำหน่ายของ บีอาร์จี กรุ๊ป ในงาน The34th Thailand International Motor Expo2017 ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ แต่สามารถขายรถในสต๊อกได้เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะรถบ้าน Swift Motor Home, รถ Mini Moke และรถ Carlsoon ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ชื่นชอบความแตกต่าง

ด้านผลประกอบการในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายเพียงเล็กน้อย อันเกิดจากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ปัญหาต่างๆ ที่คาดว่าจะได้รับการแก้ไขและมีความชัดเจนมากขึ้น จะส่งผลให้การจำหน่ายรถยนต์ของ บีอาร์จี กรุ๊ป มีความคล่องตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เนื่องจากทาง บีอาร์จี กรุ๊ป ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการบริการหลังการขายมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ด้วยการปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพด้านบริการต่างๆ อย่างมากมาย ล่าสุด ได้มีการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มขึ้นอีก 2 สาขา ทำให้ปัจจุบัน บีอาร์จี กรุ๊ป มีสาขารวมทั้งสิ้น 5แห่ง ได้แก่ ศรีนครินทร์, รามคำแหง, สุทธิสาร, แจ้งวัฒนะ และภูเก็ต พร้อมทั้งเปิดบริการ BRG Service Express ควบคู่กับการบริการซ่อมรถยนต์แบบองค์รวม ระดับ High End รองรับรถยนต์ระดับหรู "ปอร์ช" และ "โฟล์คสวาเกน" ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้ารถยนต์ระดับพรีเมี่ยมเป็นอย่างดี

ดังนั้น นโยบายและทิศทางในปี 2561 ทางบีอาร์จี กรุ๊ป จะเน้นศักยภาพในการบริการเพิ่มมากขึ้น ด้วยการนำระบบเทคโนโลยีดิจิตอล เข้ามาใช้ในการบริการในส่วนของบริการหลังการขาย จะนำเทคโนโลยีในส่วนของอุปกรณ์และเครื่องมือพิเศษเข้ามาใช้ในทุกกระบวนการดูแลและซ่อมบำรุงรถยนต์ของแต่ละศูนย์บริการของ บีอาร์จี กรุ๊ป มากยิ่งขึ้น อันสืบเนื่องจากนโยบายของปีนี้ ที่มุ่งยกระดับคุณภาพด้านบริการให้เหนือมาตรฐานสำหรับการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ด้วยบริการแบบองค์รวม และครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ตั้งแต่การบริการนัดหมาย รับ-ส่งรถยนต์ การวิเคราะห์และการตรวจเช็คสภาพ รวมถึงการดูแลและซ่อมบำรุงรถยนต์เฉพาะทางสำหรับรถยนต์ในแต่ละยี่ห้อ

ส่วนในด้านการจำหน่ายรถยนต์ ยังคงเป็นส่วนที่ทำรายได้หลักให้แก่บีอาร์จี กรุ๊ป และในปี 2561 จะมีการเปิดตัวและแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ทั้งแบบ New Model และ Minor Change กว่า 10 รุ่น ออกสู่ตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการเพิ่มยอดจำหน่าย ด้วยการใช้สื่อดิจิตอลเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีดิจิตอลเข้าใช้ในระบบการจัดการมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการนำเข้าและการจำหน่ายรถยนต์ อาทิ การสั่งซื้อ การสั่งจอง การส่งมอบ และการสต๊อกรถยนต์ เพื่อรองรับการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ และสร้างความสะดวกรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับนโยบาย "ไทยแลนด์ 4.0" ซึ่งเป็นโมเดลในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ในยุคปัจจุบัน ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวตกรรมในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ทางบีอาร์จี กรุ๊ป ยังมีบริการอื่นๆ เพื่อรองรับธุรกิจการจำหน่ายรถยนต์ อาทิ ธุรกิจบริการรถเช่าสำหรับลูกค้าที่ต้องการการใช้รถยนต์แบบไม่มีภาระในเรื่องค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษา, ธุรกิจเคลือบแก้ว สำหรับลูกค้าที่ให้ความสนใจและต้องการดูแลรถยนต์เป็นพิเศษ, ธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัย ที่มีทั้งประกันภัยรถยนต์และประกันวินาศภัย เพื่อให้การดำเนินธุรกิจด้านยานยนต์เป็นแบบครบวงจรในทุกๆ ด้าน

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมในฐานะนายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ว่า สำหรับตลาดรถยนต์ผู้นำเข้าอิสระถือเป็นช่วงสำคัญของการทำธุรกิจ เนื่องจากการปรับเปลี่ยนนโยบายของภาครัฐที่ไม่ได้แจ้งให้ผู้ประกอบ การทราบล่วงหน้าอย่างชัดเจน ส่งผลกระทบต่อการจำหน่ายรถยนต์ของผู้นำเข้าอิสระอย่างรุนแรง เนื่องจากไม่สามารถชำระภาษีเพื่อนำรถยนต์ออกมาจำหน่ายได้ เหตุเพราะทางหน่วยงานรัฐไม่ยอมรับราคาสำแดงเดิม อีกทั้งมีการเรียกขอเอกสารเพิ่มเติมแบบกะทันหัน ที่เกินความสามารถของผู้นำเข้าอิสระจะจัดหาให้ได้ ทำให้บริษัทหลายแห่งต้องปิดกิจการไปเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดการเลิกจ้างงาน บางแห่งต้องประสบปัญหาล้มละลาย ทำให้เกิดภาวะหนี้สูญกับสถาบันการเงิน และซัพพายเออร์ต่างๆ, ภาครัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้, ตลาดไม่เกิดการแข่งขันในด้านราคา ทั้งส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่ต้องซื้อรถยนต์ในราคาแพงขึ้นมาก ดังนั้น ทางสมาคมฯ จึงใคร่วิงวอนไปยังหน่วยงานภาครัฐแจ้งการปรับเปลี่ยนนโยบายต่างๆ ล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ประกอบสามารถวางแผนและรับมือกับนโยบายที่ถูกปรับเปลี่ยนได้

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางสมาคมฯ ให้ความสำคัญและเข้มงวดกับสมาชิกในการดำเนินงานในเรื่องกฎระเบียบของสมาคมและหน่วยงานราชการเพิ่มมากขึ้น ทั้งร่วมเจรจาประสานงานกับหน่วยงานรัฐ เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจในการปฏิบัติงานของทั้ง 2 ฝ่ายเพิ่มมากขึ้น อันส่งผลทำให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลายลงได้อย่างรวดเร็ว และหวังว่า ปัญหาต่างๆ จะได้รับการแก้ไขให้สำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดีต่อไป"

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit