พล.ต.ต. เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561
โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 30 ธันวาคม 2560
ซึ่งเป็นวันที่สามของการรณรงค์ "ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร" เกิดอุบัติเหตุ 649 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 73 ราย ผู้บาดเจ็บ 688 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 47.92 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 21.88 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 78.77 รถปิคอัพ 8.07 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 65.95 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 39.29 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 34.51 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 26.66 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,010 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,363 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 762,143 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 132,995 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 38,271 ราย ไม่มีใบขับขี่ 36,662 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ และบุรีรัมย์ (27 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ บุรีรัมย์ และมหาสารคาม (5 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ บุรีรัมย์ (31 คน) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 3 วัน (28 – 30 ธ.ค. 60) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,702 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 167 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 1,793 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 21 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (62 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ศรีสะเกษ (9 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ บุรีรัมย์ (69 คน)
พล.ต.ต. เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ กล่าวว่า วันนี้ประชาชนยังเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ เดินทางท่องเที่ยวและทำบุญตามสถานที่ต่างๆ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) จึงได้สั่งการจังหวัดดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในมิติเชิงพื้นที่ โดยเพิ่มความเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการดื่มแล้วขับ การรวมกลุ่มแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์บนถนน มุ่งลดพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุตามหลัก "4 ห้าม 2 ต้อง" ได้แก่ ห้ามเร็ว ห้ามเมา ห้ามโทร ห้ามง่วง...ต้องสวมหมวกนิรภัย และต้องคาดเข็มขัดนิรภัย สำหรับการดูแล ความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนในพื้นที่ รวมถึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจเข้มข้นเส้นทางสายหลักและสายรองในช่วงเวลา 16.01 - 20.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่มีสถิติอุบัติเหตุสูง ส่วนเส้นทางโดยรอบสถานบันเทิง และสถานที่จัดงานรื่นเริง ให้จัดชุดสายตรวจดูแลความปลอดภัยของประชาชน ในช่วงเวลา 23.00 - 02.00 น. เป็นพิเศษ เพื่อป้องปรามผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมดื่มแล้วขับ อีกทั้งได้เน้นย้ำด่านชุมชนให้ดูแลเส้นทางโดยรอบ แหล่งท่องเที่ยว ศาสนาสถาน จุดเสี่ยงอันตรายที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เส้นทางสายรองที่เชื่อมต่อเส้นทางสายหลักในเขตชุมชน เพื่อมอบความปลอดภัยในการเดินทางเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชนชาวไทย อย่างไรก็ตาม กรณีเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่มีผู้บาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต ให้จังหวัดกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทุกราย หากไม่สามารถตรวจวัดแอลกอฮอล์ด้วยวิธีเป่าลมหายใจได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานสถานพยาบาลของภาครัฐดำเนินการเจาะเลือดตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์แทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่ที่ดื่มแล้วขับ
นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มงานภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้กำชับจังหวัดบูรณาการทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร และภาคประชาชน ดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนน โดยเชื่อมโยงกลไกในระดับพื้นที่ ควบคู่กับการใช้มาตรการทางสังคมและชุมชนอย่างต่อเนื่อง มุ่งให้ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่นร่วมเป็นพลังสำคัญในการป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะการขับขี่โดยใช้ความเร็วสูง การโดยสารรถจักรยานยนต์ในลักษณะเสี่ยงอันตราย การดื่มแล้วขับ รวมถึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดปรับกลยุทธ์การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 พบว่า เมาแล้วขับ และขับรถเร็ว เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ศปถ.จึงได้กำชับให้จังหวัดดำเนินมาตรการป้องกันในมิติเชิงพื้นที่ โดยจัดตั้งด่านชุมชนคุมเข้มผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด รวมถึงจัดจุดพักรถให้ผู้ดื่มแล้วขับหยุดพัก จนกว่าจะสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย พร้อมทั้งกวดขันสถานบันเทิงให้เปิด – ปิดตามเวลาที่กฎหมายกำหนด และควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ขอฝากเตือนประชาชนเฉลิมฉลองและเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างปลอดภัย ดื่มไม่ขับ ไม่ขับรถเร็ว ใช้อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้งที่เดินทาง เพื่อให้เทศกาลปีใหม่ 2561 เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความปลอดภัย