นายแพทย์ โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 มกราคม 2561 ซึ่งเป็นวันที่ห้าของการรณรงค์ "ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร" เกิดอุบัติเหตุ 677 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 71 ราย ผู้บาดเจ็บ 696 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 47.27 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 26.00 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.45 รถปิคอัพ 5.18 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 66.62 บนถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 37.37 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 35.30 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 00.01 – 04.00 น. ร้อยละ 27.92 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,011 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,092 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 782,166 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 138,279 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 39,875 ราย ไม่มีใบขับขี่ 38,178 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี (38 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ร้อยเอ็ดและกรุงเทพมหานคร (5 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี (39 คน) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 5 วัน (28 ธ.ค.60 – 1 ม.ค.61 ) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,056 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 317 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,188 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 9 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท ตรัง ตาก นครนายก นราธิวาส น่าน ยะลา ระนอง และหนองบัวลำภู จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี (114 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ศรีสะเกษ (13 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี (118 คน)
นายแพทย์ โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้เป็นวันหยุดสุดท้ายของเทศกาลปีใหม่ ประชาชนส่วนใหญ่อยู่ระหว่างเดินทางกลับ ทำให้เส้นทางสายหลักจากภูมิภาคต่างๆ ที่มุ่งเข้าสู่กรุงเทพมหานคร และเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดมีปริมาณรถหนาแน่น ประกอบกับการเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลรื่นเริง อาจทำให้ผู้ขับขี่มีอาการอ่อนล้า เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการง่วงหลับใน ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดเข้มข้นจุดตรวจ โดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมสู่ถนนสายหลัก เส้นทางสายรองที่ประชาชนใช้เป็นทางลัดและทางเลี่ยงเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นถนนทางตรง วิ่งสวนเลน และไม่มีเกาะกลาง จึงสามารถใช้ความเร็วได้สูง พร้อมเพิ่มการเรียกตรวจรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง รถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสารท้ายกระบะ ควบคู่กับการเร่งระบายรถ โดยเปิดช่องทางพิเศษและจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกบริเวณจุดตัดเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น พร้อมคุมเข้มความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะและการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของพนักงานขับรถ ตลอดจนเตรียมความพร้อมระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้เข้าถึงและส่งต่อผู้ประสบอุบัติเหตุได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งจัดเตรียมระบบสื่อสารแจ้งเหตุ ทีมแพทย์ พยาบาล อาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัย อุปกรณ์เครื่องมือให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ กรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มงานภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง กล่าวว่า ในวันนี้เส้นทางขากลับเข้าสู่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ ยังคงมีปริมาณการจราจรหนาแน่น ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้สั่งการจังหวัดสนธิกำลังอาสาสมัครอำนวยการจราจรและดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง เน้นการกวดขันตามหลัก "4 ห้าม 2 ต้อง.. ห้ามเมา ห้ามเร็ว ห้ามง่วง ห้ามโทร ...ต้องสวมหมวกนิรภัย และต้องคาดเข็มขัดนิรภัย" เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งนี้ ฝากผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ขับรถเร็ว ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด หยุดพักรถทุก 1-2 ชั่วโมง ไม่ฝืนขับรถ เมื่อมีอาการง่วงนอนให้จอดพักรถตามจุดบริการต่างๆ หรือสถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า วันนี้คาดว่าเส้นทางสายหลักจะมีปริมาณรถหนาแน่นตลอดทั้งวัน ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้กำชับจังหวัดให้เพิ่มความถี่ในการจัดตั้งจุดตรวจบนเส้นทางสายหลัก ทางร่วม ทางแยก และจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ เพื่อชะลอความเร็วรถและประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ รวมถึงเข้มข้นการดูแลจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาวที่มักเกิดอุบัติเหตุจากการหลับใน ท้ายนี้ ฝากเตือนประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด สำหรับประชาชนที่ประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุ สามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือสายด่วน 1669 เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป