เป็นอีกหนึ่งรอบของการแข่งขันที่ทำเอาเป็นที่พูดถึงและขนลุกกันทั้งประเทศ สำหรับการแข่งขันกันครั้งสุดท้ายระหว่าง หน้ากากหนอนชาเขียว และ หน้ากากนางอาย ขนอาวุธทั้งหมดที่มีเตรียมมาฟาดฟันกันในครั้งนี้ เปิดเวทีด้วยโชว์ที่ต้องมาร้องคู่ฟีเจอร์ริ่งด้วย เพลง "มหาลัยวัวชน" บอกได้คำเดียวว่าเป็นอีกหนึ่งโชว์ที่เพียงแค่เปิดมาก็เริ่มทำเอาผู้ชมรายการทั้งประเทศรวมถึงโต๊ะกรรมการดรีมทีมแอบเขวไปเหมือนกัน เพราะทั้งสองหน้ากากต่างงัดเทคนิคของการร้องแตกต่างไปกว่าเดิม จนทำให้การทายว่าใครภายใต้หน้ากากกลายเป็นกระจายวงกว้างมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่สามารถทำลายความมั่นใจของทีมกรรมการไปได้ ยังคงลงความเห็นส่วนใหญ่ตรงกันว่าทั้งสองหน้ากากที่อยู่ตรงหน้านั้นคือคนที่คิดไว้มาโดยตลอด
ถัดไปโชว์เดี่ยวของหน้ากากแต่ละคน เริ่มด้วย หน้ากากหนอนชาเขียว ที่นำเพลงปลุกใจเพื่อสร้างความหนักแน่น และชูความเป็นไทย ที่ตนเองสร้างคาแร็คเตอร์ให้เกิดขึ้นบนเวทีนี้มาโดยตลอดด้วย เพลง บางระจันวันเพ็ญ ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีพลังและความหนักแน่น ทั้งแสงสีเสียงและโชว์บวกกับน้ำเสียงของหน้ากากหนอนชาเขียวด้วยแล้วยิ่งทำให้การแข่งขันครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ยากของคนไทยทั้งประเทศอยู่เหมือนกัน
ต่อด้วยโชว์ของ หน้ากากนางอาย ที่ขอสลับอารมณ์มาในบทเพลงเพราะเศร้า เคล้าอารมณ์อันลึกซึ้ง อย่างเพลง ทำได้เพียง ด้วยน้ำเสียงที่ชวนคล้อยตามไปกับบทเพลงที่หน้ากากนางอายสื่อมาออกมาได้เข้าถึงที่สุดจนทำให้ ซาร่า หนึ่งในคณะกรรมการดรีมทีมถึงกับเสียงสั่นพร้อมน้ำตาที่คลอเพราะความอินไปกับบทเพลงที่หน้ากากนางอายสื่อออกมาได้อย่างถึงที่สุด เมื่อทั้งสองหน้ากากได้ทำโชว์เสร็จสิ้นทีมคณะกรรมการต่างลงความเห็นกันว่าวันนี้รู้สึกโล่งใจที่ในครั้งนี้ไม่ได้เป็นผู้ตัดสิน แต่เป็นหน้าที่ของคนดูทั้งประเทศเพราะถ้าจะต้องตัดสินใจเองมันยากมากจริงๆและถึงแม้ใครจะคว้าแชมป์ไปก็สมศักดิ์ศรีทั้งคู่
จนวินาทีที่ผลการตัดสินของคนไทยทั้งประเทศมาถึงและอาจจะเป็นช่วงวินาทีที่หลายคนไม่อยากให้ใครต้องพ่ายแพ้ไป ผลสรุปจากคะแนนโหวตจากคนไทยทั้งประเทศ ยกให้ "หน้ากากหนอนชาเขียว" ได้ตำแหน่งแชมป์ของรายการในซีซั่น 3 นี้ไปครองพร้อมกับคำขอบคุณคนไทยทั้งประเทศที่ส่งกำลังใจให้ตนเองมาโดยตลอด และยังทิ้งท้ายว่า "การได้แชมป์ในครั้งนี้อาจไม่สำคัญเท่ากับการได้ร่วมเวทีกับนักร้องที่มีคุณภาพอย่างหน้ากากนางอาย"และสำหรับผู้ที่อยู่ภายใต้หน้ากากนางอายนั้น ก็เป็นไปตามคาดหมายจากการลงความเห็นตรงกันส่วนใหญ่ นั่นคือ ศิลปินมากความสามารถ "อะตอม ชนกันต์ รัตนอุดม" เมื่อถอดหน้ากากออกมาพร้อมรอยยิ้มพร้อมให้เหตุผลว่า"ตนเองรู้สึกสนุกมากที่ได้มาร่วมรายการนี้ เพราะการที่ได้มาร้องเพลงโดยการใส่หน้ากากและไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร มันทำให้เราได้จ้องมองคนฟังเพลงของเราได้ลึกซึ้งมากขึ้น ซึ่งไม่สามารถมีโอกาสได้ทำแบบนี้ได้จากที่ไหน และสาเหตุที่เลือกหน้ากากนี้ ส่วนหนึ่งแท้จริงตนเองเป็นคนค่อนข้างขี้อายคล้ายกับชื่อหน้ากากแต่พอได้มีโอกาสมาร้องเพลงก็เริ่มมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างคาแร็คเตอร์ของตัวเองขึ้นมาที่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้คนพูดถึงมาโดยตลอดเมื่อตอนเป็นหน้ากากนั่นคือ ท่ายืน ทั้งหมดคือความสุขที่เกิดขึ้นเมื่อได้มาทำหน้าที่ตรงนี้"
เตรียมพบกับรอบถอดหน้ากากแชมป์ "หน้ากากหนอนชาเขียว" พร้อมการเฉลิมฉลองแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการมาร่วมของหน้ากากของทั้ง 3 ซีซั่น ในวันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 20.15 น. ถ่ายทอดสด ทางช่องเวิร์คพอยท์ และมาเป็นติดตามกันว่า ภายใต้หน้ากากแชมป์นั้น จะใช่คนที่คุณคิดหรือไม่? ห้ามพลาดเด็ดขาด
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit